ดาวโจนส์ปิดตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมินรัฐบาลสหรัฐปิดทำการ

ซีเอ็นบีซี รายงานหุ้นปิดตัวสูงขึ้นในวันอังคาร (30 ก.ย.68) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะปิดทำการหรือชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐ  และในเดือนกันยายน หุ้นปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งผิดปกติ โดยดัชนี S&P 500 ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.41% ที่ 6,688.46 จุด

ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.31% ปิดที่ 22,660.01 จุด 

ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 81.82 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 46,397.89 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดครั้งใหม่

รัฐบาลกลางคาดว่าจะหมดเงินทุนในเวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอังคารเกี่ยวกับภาวะปิดทำการว่า “ไม่มีอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้”

ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จากรัฐลุยเซียนา ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี เมื่อวันอังคารว่า เขา “สงสัย” ว่าการขาดเงินทุนจะสามารถป้องกันได้ทันกำหนด โดยกล่าวว่าผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต รัฐนิวยอร์ก และ ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต รัฐนิวยอร์ก ขณะเดียวกัน เจฟฟรีส์ ได้ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี เกี่ยวกับพรรครีพับลิกันว่า “หากรัฐบาลปิดทำการ ก็เป็นการตัดสินใจของพวกเขาเอง”

โดยส่วนใหญ่แล้ว ตลาดหุ้นกำลังประเมินถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปิดทำการของรัฐบาล ในอดีต การปิดทำการชั่วคราวมักส่งผลกระทบต่อตลาดเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมักเกิดขึ้นไม่เกินสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ อาจรุนแรงมากในครั้งนี้ หากรัฐบาลทรัมป์ดำเนินการตามคำขู่ที่จะปลดพนักงานรัฐบาลจำนวนมาก หรือหากการปิดทำการดังกล่าวใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้

“เมื่อพูดถึงวอชิงตัน ตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่าจะมีการปิดทำการ ดังนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่จึงยังคงนิ่งเฉยอยู่ในขณะนี้ แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อเกินสองสัปดาห์ ผู้คนจะเริ่มกังวลมากขึ้น” อดัม คริซาฟูลลี จาก Vital Knowledge กล่าว

นักลงทุนต่างกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่ชะลอตัว ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบชะงักงัน (stagflation) และมูลค่าหุ้นที่สูงขึ้น หากรัฐบาลระงับการดำเนินงาน กระทรวงแรงงานกล่าวว่า จะไม่เปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนกันยายน ตามกำหนดในวันศุกร์ การปิดทำการอาจกระตุ้นให้หน่วยงานจัดอันดับเครดิตทบทวนความแข็งแกร่งของสินเชื่อสหรัฐ ซึ่งถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในเดือนพฤษภาคมโดยมูดี้ส์

รายงานการจ้างงานเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่กำลังจะเผยแพร่ ซึ่งจะให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ในเดือนตุลาคม สัญญาณล่าสุดของความตึงเครียดทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร เมื่อตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม ปีเตอร์ คอเรย์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และหัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ Pave Finance กล่าวว่า เป็นไปได้ว่าการเลื่อนการเผยแพร่รายงานจ้างงานออกไปอาจเป็นผลดีต่อตลาด

“สิ่งนี้อาจช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่ตัวเลขการจ้างงาน 22,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม จะลดลงต่ำกว่าศูนย์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดขึ้นเนื่องจากสถิติกำลังเข้าใกล้ระดับอันตรายแล้ว” คอเรย์ กล่าว “การเลื่อนออกไปจะช่วยชะลอความผิดหวังของนักลงทุน และเปิดโอกาสให้ตลาดเผยแพร่ข้อมูลเชิงบวกเพิ่มเติมในระหว่างกาลเพื่อลดผลกระทบ”

หุ้นบริษัทซอฟต์แวร์ปรับตัวลดลงในวันอังคาร โดย Paychex

ปรับตัวลดลงมากกว่า 1% หลังจากผลประกอบการรายไตรมาส และ Salesforce ร่วงลง 3.3% 

ส่วนราคาหุ้น Nvidia ปรับขึ้นโดดเด่นในช่วงการซื้อขาย โดยปรับตัวสูงขึ้นตาม CoreWeave ซึ่ง CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia ได้ประกาศข้อตกลงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ปัญญาประดิษฐ์มูลค่า 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ กับ Meta Platforms 

S&P 500 สูงขึ้นในเดือนกันยายน สวนอดีตที่มักร่วงลงในเดือนนี้

ความเคลื่อนไหวในวันอังคาร นี้ยิ่งทำให้ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนกันยายน โดยดัชนี S&P 500 ซึ่งเคยปรับตัวลดลงเฉลี่ย 4.2% ในเดือนนี้ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ในเดือนนี้ และดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2% ดัชนีแนสแด็กมีผลงานโดดเด่นที่สุดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.6% ในเดือนกันยายน

วันอังคารยังเป็นช่วงปิดไตรมาสที่สามอีกด้วย ดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 8% ในไตรมาสนี้ ขณะที่ดัชนีแนสแด็กซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 11% ในไตรมาสนี้ ดัชนีดาวโจนส์ซึ่งเป็นหุ้นชั้นนำปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ห้าติดต่อกัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์