ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดทำสถิติใหม่อีกครั้ง แรงหนุนจาก Nvidia

ซีเอ็นบีซี รายงานดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันจันทร์ (22 ก.ย.68) นำโดย Nvidia ที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการประกาศความร่วมมือกับ OpenAI กระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์

ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมปิดตลาดวันนี้เพิ่มขึ้น 0.44% ที่ 6,693.75 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.70% ปิดที่ 22,788.98 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์

Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 66.27 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 46,381.54 จุด นอกจากดัชนี S&P 500 ปิดสูงสุดแล้ว ดัชนี Nasdaq และ Dow Jones ต่างก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างวัน และปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แม้ว่าหุ้นจะเริ่มต้นวันซื้อขายในแดนลบ แต่สุดท้ายก็ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจาก Nvidia และบริษัทอื่นๆ ราคาหุ้นของบริษัทชิป AI ที่เป็นที่ชื่นชอบพุ่งขึ้น 3.9% หลังจากที่บริษัทประกาศว่าจะลงทุน 1 แสนล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูล ข้อตกลงใหม่นี้อาจบ่งชี้ว่าการซื้อขาย AI จะยังคง "ผลักดันการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) และราคาหุ้นในปี 2026 และปีต่อๆ ไป" ตามที่แซม สโตวอลล์  หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าว

Oracle ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่นกัน ก็ขึ้นสูงในวันจันทร์เช่นกัน หลังจากที่บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ประกาศว่าได้เลื่อนตำแหน่ง เคลย์ มากูยรก์  และ ไมค์ ซิซิเลีย  ขึ้นเป็นซีอีโอร่วม ขณะที่ ซาฟรา แคตซ์  ถอยลงมาดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารในคณะกรรมการบริษัท การที่ราคาหุ้นของ Oracle พุ่งขึ้น 6% ในวันจันทร์นี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 45% ในเดือนนี้

ในทำนองเดียวกัน ราคาหุ้น Apple ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 4% จากแรงหนุนยอดขายดี iPhone รุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการปิดทำการของรัฐบาลกำลังจำกัดการเติบโตของตลาด สัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสภาปฏิเสธข้อเสนอของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตที่จะจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาลกลางอย่างน้อยก็ชั่วคราว ชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พบกับพรรคเดโมแครตเพื่อบรรลุข้อตกลง กำหนดเส้นตายสำหรับสมาชิกสภานิติบัญญัติในการระดมทุนให้รัฐบาลคือวันที่ 30 กันยายน

ตลาดกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งรายสัปดาห์ โดยดัชนีหลักสามตัวทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีขนาดเล็ก ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ตามมาด้วยการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปัจจุบัน นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25% ก่อนสิ้นปี ตามเครื่องมือ ติดตามเฟดFedWatch ของ CME Group

“เว้นแต่จะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า โดยพื้นฐานแล้ว ตลาดกำลังบอกกับคุณว่าพวกเขาต้องการปรับตัวสูงขึ้น และจะทำเช่นนั้นภายในสิ้นปี” สโตวอลล์กล่าว

ตามข้อมูลในอดีตสัปดาห์นี้ของเดือนกันยายน ถือเป็นสัปดาห์ที่ดัชนี S&P 500 อ่อนตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ Citadel Securities

นักลงทุนจับตามเงินเฟ้อ โดยสหรัฐจะประกาศตัวเลขล่าสุดของดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเพียงพอที่จะทำให้เฟดสามารถลดดอกเบี้ยต่อไปได้