S&P 500 ปิดเหนือ 6,600 จุด เป็นครั้งแรก เจรจาการค้าจีน - สหรัฐคืบ

ซีเอ็นบีซี รายงานว่าดัชนี S&P 500 ปิดเหนือ 6,600 จุดเป็นครั้งแรก หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าจีน และราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น

หุ้นปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ (15 ก.ย.68) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนดำเนินไปด้วยดี นักลงทุนยังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.5% มาอยู่ที่ 6,615.28 จุด ถือเป็นการปิดตลาดเหนือ 6,600 จุดเป็นครั้งแรก ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite

ก็พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 0.9% มาอยู่ที่ 22,348.75 จุด ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 49.23 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 45,883.45 จุด

 

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ และจีนได้หารือกันเป็นวันที่สองเกี่ยวกับอัตราภาษีศุลกากร และกำหนดเส้นตายสำหรับการขายติ๊กต็อก (TikTok) โซเชียลมีเดียของจีน

ทรัมป์ โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มTruth Social ว่าการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เป็นไปในเชิงบวก และมีการบรรลุข้อตกลงกับบริษัท ‘แห่งหนึ่ง’ ที่คนหนุ่มสาวในประเทศของเราต้องการรักษาไว้ ซึ่งเขาอาจหมายถึง TikTok

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐ จะยังคงดำเนินการแบน TikTok หากจีนไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องในการลดภาษีศุลกากร และข้อจำกัดทางเทคโนโลยีของสหรัฐ โดยอ้างจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ ที่ทราบเกี่ยวกับการเจรจา

ขณะที่การเจรจาระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไป หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของจีนกล่าวว่า Nvidia ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน และจะยังคงสอบสวนผู้ผลิตชิปรายนี้ต่อไป 

ราคาหุ้นผลิตชิปรายนี้สวนแนวโน้มของหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent Seven) โดยปิดตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย

หุ้นเทสลาพุ่งขึ้น

หุ้น Tesla พุ่งขึ้น 3% หลังจากที่ซีอีโอ อีลอน มัสก์ เปิดเผยการซื้อหุ้นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการซื้อครั้งใหญ่ที่สุดของเขาในตลาดเปิด และเป็นการซื้อครั้งสำคัญครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 นักลงทุนมองว่าการซื้อครั้งนี้เป็นการแสดงความเชื่อมั่นของมัสก์ที่มีต่อบริษัท ซึ่งกำลังพยายามเปลี่ยนความสนใจไปที่การผลิตหุ่นยนต์ เนื่องจากการแข่งขันด้านรถยนต์ไฟฟ้ากำลังทวีความรุนแรงขึ้น

 

ตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ เกิดขึ้นหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ กระตุ้นให้เกิดความหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อสิ้นสุดการประชุมในวันพุธ ตลาดคาดการณ์ไว้ล่าสุดที่ 95.8% ว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และมีโอกาสเพียง 4.2% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ตามข้อมูลของเครื่องมือติดตามเฟด CME FedWatch Tool

 

“ตลาดเชื่ออย่างเต็มที่ว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้” สก็อตต์ เรน นักกลยุทธ์ตลาดโลกอาวุโสของ Wells Fargo Investment Institute กล่าว ปัจจัยสำคัญในวันนี้คือ นักลงทุนกำลังเตรียมพร้อมรับการประกาศในวันพุธ ซึ่งอาจเป็น "เหตุการณ์ 'ซื้อตามข่าวลือ ขายตามข้อเท็จจริง' แต่พูดได้ว่าผู้เข้าร่วมตลาดน่าจะไม่ต้องการเปิดสถานะขายชอร์ตในดัชนี S&P 500 ก่อนวันพุธ" 

 

อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจยังคงหนุนตลาดหุ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความกระตือรือร้นของนักลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และแม้จะมีความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ นักลงทุนจะจับตาดูวุฒิสภาเพื่อดูว่านายสตีเฟน มิแรน จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทันการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ในสัปดาห์นี้หรือไม่

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์