บาทแข็งดัน ‘หุ้นโรงไฟฟ้า’ เด่น โบรกเกอร์รับเป็นจิตวิทยาบวก 2 เด้ง

“เงินบาทแข็ง” แตะระดับ 31.60 บาทต่อดอลลาร์ หนุนจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวก ดึงดูด “ฟันด์โฟลว์” เข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง “บล.กรุงศรี” ชี้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า “พระเอก”
ความเคลื่อนไหวทิศทาง “เงินบาท” ยังแข็งค่าต่อเนื่อง และเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี ที่ระดับ 31.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหนุนจิตวิทยาเชิงบวก “เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ” (ฟันด์โฟลว์) ต่อตลาดหุ้นไทย และหนุนหุ้น “กลุ่มโรงไฟฟ้า” ในฐานะที่เป็นกลุ่มที่มี “หนี้สินต่างประเทศในระดับสูง”
ขณะที่ “บอนด์ยีลด์” ปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังภาคแรงงานสหรัฐอ่อนลงมีนัยสำคัญ ดังนั้น หนุนจิตวิทยาเชิงบวก ลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากภาระหนี้สินลดลงได้เร็ว รวมถึง กลุ่มสายการบิน นำเข้า สื่อสาร ค้าปลีก และเทคโนโลยี
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มมีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อ จากการเมืองไทยที่มีความชัดเจนมากขึ้น และเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ดังนั้น แนวรับถัดไปที่ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นบวกต่อ “หุ้นขนาดใหญ่” (Big Cap) ที่เป็นเป้าหมายของฟันด์โฟลว์ และยังได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า โดยมีหุ้น 2 กลุ่มหลัก
นอกจาก “กลุ่มนำเข้า” ที่ได้ประโยชน์มีต้นทุนนำเข้าสินค้าได้ถูกลงจากเงินบาทแข็งค่าแล้ว เรามองว่าพระเอกคือ “กลุ่มโรงไฟฟ้า” เพราะนอกจากจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากบาทแข็งแล้ว อีกด้านหนึ่งมาจากต้นทุนพลังงานโดยเฉพาะก๊าซ ที่มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ซึ่งหุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์ และน่าสนใจ ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
แต่สำหรับ “กลุ่มที่เสียประโยชน์” จากเงินบาทแข็งค่า แนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยง “หุ้นกลุ่มส่งออก” โดยเฉพาะหุ้น “กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์” มีโอกาสปรับตัวลง เป็นกลุ่มที่อาจต้องย้าย Position การลงทุนออก มาลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่ารอบนี้ เช่น กลุ่มนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มไอซีที เช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เป็นกลุ่มที่ได้อานิสงส์ดังกล่าว
“ทิศทางเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี เป็นภาพที่สะท้อนปัจจัยต่างๆ สนับสนุนในลักษณะทิศทางของดอกเบี้ยขาลง และเงินบาทยังแนวโน้มแข็งค่าในระยะข้างหน้า”
นายพิริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์การลงทุน บล.บัวหลวง กล่าวว่า สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่ามากที่สุด เป็นกลุ่มที่มีต้นทุนเป็นสกุลต่างประเทศ เช่น หุ้นกลุ่มสายการบิน ที่มีต้นทุนเชื้อเพลิงในสกุลเงินดอลลาร์ อย่าง บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA และ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV , กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี มีการนำเข้าน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นต้นทุนของบริษัท อย่าง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ
PTTGC บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL กลุ่มโรงไฟฟ้า มีการกู้ยืมเงินสกุลดอลลาร์ (GULF BGRIM GPSC) และกลุ่ม IT มีการนำเข้าสินค้า (SYNEX) สำหรับกลยุทธ์การลงทุน
อย่างไรก็ดี เนื่องจากวานนี้หุ้นกลุ่มนี้บวกขึ้นมาแล้ว สะท้อนปัจจัยนี้ไปพอสมควร ดังนั้น แนะนำหุ้นเด่นกลุ่มนี้ ที่กำไรน่าจะดี และฟื้นตัวต่อเนื่อง เช่น GULF PTTGC SYNEX พร้อมกันนี้ ในระยะสั้นๆ ยังมองมีโอกาสแข็งต่อได้ ให้แนวรับ 31.00 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ กดดัน
ทางด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 7% นำสกุลเงินอื่นในภูมิภาคเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ นโยบายการเงินสหรัฐ ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้นเป็นบวกต่อหนี้หรือรายจ่ายในรูปของดอลลาร์ เช่น โรงไฟฟ้า (GPSC,BGRIM) และสายการบิน (AAV,THAI) เป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า แต่ควรเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (KCE,HANA,DELTA) และอาหาร (TU ,CPF ,GFPT) ซึ่งมีรายได้ในรูปดอลลาร์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์





