Broadcom ว่าที่ ‘หุ้นนางฟ้าตัวที่ 8’ จับมือ OpenAI สร้างชิป AI  ดันหุ้นพุ่งแรง

บริษัท "บอร์ดคอมม์ อิงค์" (Broadcom Inc.) ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่สหรัฐ กำลังถูกจับตาในฐานะว่าที่ “หุ้นนางฟ้าตัวที่ 8” หลังจากที่ได้ประกาศข่าวความร่วมมือครั้งสำคัญกับ OpenAI ในการผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI  ซึ่งเป็นตลาดที่ถูกครอบงำโดย “อินวีเดีย” (Nvidia) มาอย่างยาวนาน

เรื่องนี้ทำให้ ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 9.4% เมื่อวันที่ 9 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นถึง 1.35 แสนล้านดอลลาร์ และปรับตัวสูงขึ้นกว่า 145.46% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา

เบื้องหลังดีลหมื่นล้านดอลลาร์ Broadcom x OpenAI

ดีลนี้เกิดขึ้นจากความต้องการของ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ที่กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลน “GPU Shortage” ที่ใช้ในการประมวลผล เพราะที่ผ่านมา OpenAI พึ่งพาชิป GPU ประสิทธิภาพสูงจาก Nvidia เป็นหลัก แต่ด้วยความต้องการมหาศาลจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ทำให้การจัดหาชิปจาก Nvidia มีข้อจำกัดทั้งในด้านปริมาณ และราคา การรอคอยชิปเป็นเวลานานส่งผลให้ OpenAI ไม่สามารถขยายขีดความสามารถของโมเดล AI และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วเท่าที่ต้องการ 

ภายใต้ข้อตกลงนี้ Broadcom จะรับหน้าที่ออกแบบ และผลิตชิปเร่งความเร็ว AI ตามความต้องการเฉพาะของ OpenAI ซึ่งในรายงานระบุว่า ชิปที่กำลังพัฒนาร่วมกันนั้นคือ “ชิปอนุมาน” (inference chip) ใช้สำหรับ ประมวลผล และรันโมเดล AI ที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว เพื่อสร้างคำตอบหรือการตัดสินใจ โดยไม่ต้องใช้พลังงานสูงเท่าชิปที่ใช้ในการฝึกฝนโมเดล โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเริ่มจัดส่งได้ในปี 2569  

ฮอค แทน   (Hock Tan) ซีอีโอของ Broadcom เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อครั้งนี้ถือเป็น “ความต้องการที่เร่งด่วน และค่อนข้างมาก” และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องปรับเพิ่มการคาดการณ์รายได้สำหรับปีหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

 Broadcom อนาคต ‘หุ้นนางฟ้า’ ตัวที่ 8

ความร่วมมือกับ OpenAI ถือเป็นก้าวสำคัญของ Broadcom ในการก้าวสู่ผู้นำในตลาดชิป AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบัน Broadcom จะยังไม่มียอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดดเท่ากับ Nvidia แต่การมีลูกค้ารายใหญ่และมีอิทธิพลอย่าง OpenAI อาจทำให้ทิศทางของบริษัทเปลี่ยนไป

แทนได้ออกมาให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนว่า แนวโน้มของบริษัทจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้เปิดเผยว่าบริษัทมีลูกค้าใหม่รายใหญ่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์อย่างเร่งด่วน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องปรับเพิ่มการคาดการณ์รายได้ในปีงบประมาณ 2569 และวางแผนที่จะอยู่ในตำแหน่งซีอีโอไปจนถึงปี 2573 เป็นอย่างน้อย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว

ในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเผยว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 22% เป็นเกือบ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ AI อยู่ที่ 5.2 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จากกลุ่มนี้จะสูงถึง 6.2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4  

เบน ไรท์เซส นักวิเคราะห์จาก Melius Research แสดงความเห็นว่า Broadcom ควรได้รับการยกฐานะให้เป็นหนึ่งใน "Magnificent 8" หรือหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำตัวที่ 8 ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

นักวิเคราะห์ระบุอย่างชัดเจนว่า ส่วนแบ่งการตลาดของ Nvidia ในตลาดชิป AI จะลดลงในอนาคต เนื่องจากผู้ผลิตชิปรายอื่นอย่าง Broadcom จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยคาดว่า Broadcom จะสามารถแย่งส่วนแบ่งได้ถึงประมาณ 30% ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ที่นำโดย AMD ก็จะคว้าส่วนแบ่งไปอีกอย่างน้อย 10% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดชิป AI จะมีการแข่งขันสูงขึ้นและกระจายตัวมากขึ้นในอนาคตอันใกล้

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก Bank of America ยังคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งตลาดการประมวลผลและเครือข่าย AI ของ Broadcom อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจาก 11% ในปัจจุบันเป็น 24% ภายในปี 2570

อนาคตการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ Broadcom ในตลาดชิป AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากดีลสำคัญกับ OpenAI และการวางตำแหน่งที่โดดเด่นในเทคโนโลยีเครือข่าย AI ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้เล่นหลักที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม และมีโอกาสเป็น "หุ้นนางฟ้าตัวที่ 8" ที่น่าจับตามอง 

 

 

 

อ้างอิง investopedia, bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์