7 หุ้นกลุ่มแบงก์กอดคอบวก KTB พุ่งนำกลุ่ม 3.91% รับแรงหนุน Thailand Focus
หุ้นกลุ่มธนาคาร 7 แห่งปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันที่ 27 ส.ค. 2568 โดย KTB ปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.91% นักวิเคราะห์เผย ปัจจัยหนุนหลักมาจากการจัดงาน Thailand Focus คาดจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) เข้าสู่กลุ่มธนาคาร และนักลงทุนเก็งกำไรต่อการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของธนาคารที่ยังไม่ได้ประกาศ เช่น BBL และ KBANK
KEY
POINTS
- หุ้นกลุ่มธนาคาร 7 แห่งปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันที่ 27 ส.ค.2568 โดย KTB ปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.91%
- ปัจจัยหนุนหลักมาจากการจัดงาน Thailand Focus ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) เข้าสู่กลุ่มธนาคาร
- นักลงทุนเก็งกำไรต่อการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของธนาคารที่ยังไม่ได้ประกาศ เช่น BBL และ KBANK
- แนวทางของภาครัฐที่สนับสนุนการจัดตั้ง JV AMC เพื่อบริหารจัดการหนี้เสีย (NPL) เป็นอีกปัจจัยบวก โดยเฉพาะกับธนาคารที่ยังไม่มี AMC เป็นของตัวเองอย่าง KTB
- บล.เอเซีย พลัส แนะนำ KTB และ SCB เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูง
ความเคลื่อนไหว "ตลาดหุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 27 ส.ค.2568 เวลา 10.05 น. หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดย
- หุ้น KTB บวก 3.91% เพิ่มขึ้น 0.95 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 25.25 บาท
- หุ้น LHFG บวก 1.30% เพิ่มขึ้น 0.01 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 0.78 บาท
- หุ้น BBL บวก 0.97% เพิ่มขึ้น 1.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 155.50 บาท
- หุ้น KBANK บวก 0.61% เพิ่มขึ้น 1.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 165.00 บาท
- หุ้น TISCO บวก 0.50% เพิ่มขึ้น 0.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 101.50 บาท
- หุ้น BAY บวก 0.43% เพิ่มขึ้น 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 23.50 บาท
- หุ้น SCB บวก 0.39% เพิ่มขึ้น 0.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 127.50 บาท
ภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ปัจจัยหนุนหลักที่ส่งผลให้กลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นในวันนี้มาจากการเปิดงาน Thailand Focus ซึ่งได้รับอานิสงส์จาก Fund Flow ที่มีโอกาสไหลเข้ามา โดยกลุ่มธนาคารถือเป็นเป้าหมายหลักในการลงทุน ทำให้มีกระแสเก็งกำไร
ขณะเดียวกันในสัปดาห์นี้ เป็นช่วงที่อาจมีการประกาศการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของธนาคารที่ยังไม่ได้ประกาศ ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น BBL หรือ KBANK ที่ปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ภาครัฐมีแนวทางที่ต้องการสนับสนุนการจัดตั้ง JV AMC ในการร่วมมือกันระหว่างธนาคารกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อช่วยให้ธนาคารมีช่องทางในการบริหารจัดการ NPL หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ได้มากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารที่อาจจะยังไม่มี AMC เป็นของตัวเอง เช่น KTB หากมีข้อเสนอที่น่าสนใจจากภาครัฐ ก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีการจัดตั้ง JV AMC ซึ่งแตกต่างจาก KBANK ที่มีการจับมือกับ AMC และ BAM ไปแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับกลุ่มธนาคารยังคงถูกมองในเชิงคำแนะนำลงทุนเพราะยังให้ปันผลสูง โดยให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด โดยได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับ ธนาคาร 2 แห่ง ในฐานะหุ้นเด่นของกลุ่ม ได้แก่ KTB และ SCB ซึ่งเหตุผลในการเลือก 2 ธนาคารดังกล่าวเพราะให้ Dividend Yield สูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยอยู่ที่ประมาณ 7-8% ต่อปี และมีค่า ROE ที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์