หุ้นไทยวันนี้ 26 ส.ค.68 พักตัว เริ่มไร้ปัจจัยบวก กรอบ 1250-1270 จุด

หุ้นไทยวันนี้ 26 ส.ค.68 พักตัว เริ่มไร้ปัจจัยบวก กรอบ 1250-1270 จุด

บล.พาย คาดการณ์ว่าดัชนี SET จะชะลอตัวและเคลื่อนไหวในกรอบ 1250-1270 จุด เนื่องจากตลาดได้ซึมซับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว กลยุทธ์การลงทุนแนะเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มการเงิน MTC, SAWAD อสังหาริมทรัพย์ AP, SPALI และค้าปลีก BJC, CRC

KEY

POINTS

  • บล.พาย คาดการณ์ว่าดัชนี SET จะชะลอตัวและเคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1270 จุด เนื่องจากตลาดได้ซึมซับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว
  • ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มทรงตัวและปรับตัวลง เช่น Dow Jones ที่ปิดลบ 0.77% จากแรงทำกำไร ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย
  • นักลงทุนยังคงกังวลกับปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการรอคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้มีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ
  • กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ยังไม่เพิ่มพอร์ต แต่สามารถเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD) อสังหาริมทรัพย์ (AP, SPALI) และค้าปลีก (BJC, CRC)

หุ้นไทยวันนี้ 26 ส.ค.68 บล.พาย เผยตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 349 จุด -0.77% เผชิญแรงทำกำไรหลังวันก่อนหน้าปรับขึ้นแรงประกอบกับนักลงทุนรอดูผลประกอบการ NVIDIA ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.58% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนเพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงาน มูลค่าส่งออก ประจำเดือน ก.ค. พบว่าขยายตัว 11%YoY แต่หากไม่รวมสินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมันและทองคำขยายตัวได้ดี 16.6%YoY โดยช่วง YTD ขยายตัวได้ 14.7%YoY สำหรับสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ไก่สดแช่เย็น +9.8%YoY อาหารสัตว์เลี้ยง +9%YoY น้ำตาลทราย +36%YoY และสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ +61%YoY ผลิตภัณฑ์ยาง +9.7%YoY 

สาเหตุที่การส่งออกขยายตัวได้กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าผู้นำเข้ายังคงเร่งเพื่อปิดความเสี่ยงประกอบกับรัฐบาลไทยที่สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนว่าจะสามารถบรรลุเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ได้อย่างลุล่วงและมีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับภาษีของสหรัฐฯ มองเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้น DELTA TU ITC สัดส่วนการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ยังคงเป็นอันดับแรกด้วยสัดส่วน 22% จีน 12.7% และญี่ปุ่น 7% 

สำหรับสหรัฐฯ เมื่อคืนประกาศยอดขายบ้านมือหนึ่งที่ 6.52 แสนหลังคาเรือนมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 6.35 แสนหลังคาเรือน แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนเหมือนจะไม่ได้ให้น้ำหนักมากเท่าใดนักเพราะเห็นการปรับลงของ US Bond Yield บ่งชี้ว่า นักลงทุนมองบวกกับถ้อยแถลงของประธาน FED มากกว่าและทำให้เงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 32.4 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ 

แต่อย่างไรก็ตามกับตลาดหุ้นไทยยังไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระแสเงินทุนเพราะวานนี้เห็นการขายสุทธิออกมาของต่างชาติส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศที่รอดูการตัดสินของศาลเกี่ยวกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนปัจจุบันและการฟื้นตัวของหุ้นไทยวานนี้ก็ถือว่าน้อยกว่าภูมิภาค 

ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 96.4 วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1270 จุด น่าจะชะลอตัวลงหลังวานนี้ปรับขึ้นแรงผสานกับตลาดต่างประเทศก็เริ่มทรงตัว (Nikkei -0.5% , DJIA -0.7%) โดย Price In ปัจจัยบวกเจรจาการค้าและลดดอกเบี้ยของ FED , BOT ไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับรอดูท่าทีการเมืองภายในประเทศ ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุนด้วย Valuation ที่ยังแพงและพื้นฐานไม่โดดเด่น 

แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นยังเลือก Trading ในกลุ่มการเงิน MTC SAWAD TIDLOR อสังหาฯ AP SPALI ปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ค้าปลีก BJC CRC CPALL HMPRO และมองกลุ่มธนาคารพาณิชย์ BBL KBANK KTB SCB น่าสนใจรอสะสมด้วยปันผลเด่นและหุ้นไม่แพงแต่ระยะสั้นโดนแรงกดดันจากดอกเบี้ย