หุ้นไทยเปิดตลาดวันนี้ พุ่ง 7.57 จุด ตอบรับจบดีลภาษีสหรัฐ 19%

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 1 ส.ค.68  ปรับขึ้น 7.57 จุด หรือ 0.61 % อยู่ที่ 1,249.92 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 6,336.13 ล้านบาท  

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้คาดเปิดตอบรับเชิงบวกต่อข่าวสหรัฐกำหนดภาษีสินค้านำเข้าจากไทย 19% ลดลงจาก 36% โดยเป็นอัตราเดียวกับที่เรียกเก็บจากกัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ทำให้ไทยมีโอกาสแข่งขันกับภูมิภาคได้ รวมถึงเวียดนามยังที่เจอภาษี 20% ประเด็นภาษีสหรัฐเป็นปัจจัยที่ตลาดให้น้ำหนักมากที่สุดจึงคาดว่าดัชนีอาจขึ้นไปทดสอบ 1,250 จุดได้

สำหรับวันนี้แนะติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ต่อไป โดยเฉพาะ MINT รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ

มองกรอบวันนี้ แนวรับ 1,235 จุด และแนวต้าน 1,250 จุด  

นายพิริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)   กล่าวว่า ภาษีทรัมป์ที่ออกมาที่ 19% สำหรับไทย (ดีกว่าเราคาดเล็กน้อย 20%) อยู่ในระดับเดียวกับประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์ -มาเลเซีย-กัมพูชา  19%, เวียดนาม 20%, บรูไน 25%, เมียนมา-ลาว 40% ทำให้ผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันค่อนข้างจำกัด

ประเมินผลกระทบทางตรงจำกัด สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ราว 0.9% ของรายได้รวมของ SET  (สำหรับ BLS coverage)  

ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มส่งออกอาหาร (TU ราว 39% ของรายได้ส่งออกไปสหรัฐฯ)/อาหารเลี้ยงสัตว์ (ITC ราว 50%) กลุ่มส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA ราว 25%, KCE ราว 23%, HANA ราว 25%) และกลุ่มส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง (STA ราว 15%)/ถุงมือยาง (STGT ราว 20%)

มองว่าต่อตลาดจะ shift focus ไปที่ผลกระทบจากมาตรการภาษีฯ ว่าคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Front-loaded demand) ที่คาดจะหายไปต่อจากนี้ จะกระทบภาคส่งออกขนาดไหน? ซึ่งจะเป็นปัจจัยจำกัด upside ตลาดต่อจากนี้

หากตลาดปรับตัวขึ้นใกล้เคียง SET index target ปลายปีของเราบริเวณ 1280 (25E EPS 82, growth 7%, PER 15.7x,-0.5SD, GDP ปีนี้ของไทยคาดโต 1.4%) คาดตลาดจะชะลอความร้อนแรงลง คาดตลาดเริ่มเคลื่อนไหวในกรอบมากขึ้น

เบื้องต้น ประเมินว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ฯ ที่มีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐฯ สูงๆ แต่มีความสามารถในการแข่งขันที่ดี เช่น กลุ่มอาหาร TU (ส่งออกไปสหรัฐฯ ราว 39%), อาหารสัตว์ ITC (ราว 50%)  มองเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ