หุ้นสนามบิน-การบินเทกออฟ หลังสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้น โบรกเผยปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
หุ้นสนามบิน-การบินเทกออฟ BA บวก 6.25% เพิ่มขึ้น 0.90 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 15.30 บาท หุ้น AAV บวก 3.13% เพิ่มขึ้น 0.04 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 1.32 บาท และ AOT บวก 2.10% เพิ่มขึ้น 0.75 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 36.50 บาท โบรกเผยหลังสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้น แนะนำซื้อปัจจัยพื้นฐานแกร่ง
KEY
POINTS
- หุ้นกลุ่มการบินและสนามบินปรับตัวขึ้น นำโดย BA บวก 6.25%, AAV บวก 3.13% และ AOT บวก 2.10% ในการซื้อขายภาคเช้าวันที่ 16 ก.ค. 2568
- นักวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวได้ปรับตัวลดลงมากเกินไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นโอกาสในการลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง
- ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยพึ่งพากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะสังคมสูงวัยเหมือนธุรกิจอื่น
- สัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว โดยตัวเลขเดือนมิถุนายนปรับตัวดีขึ้นจากจุดต่ำสุดของปีในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบปกติ
- โบรกเกอร์แนะนำ "ซื้อ" หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โดยคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และราคาหุ้นที่ลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานถือเป็นโอกาส
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันทื่ 16 ก.ค.2568 เวลา 11.00 น.หุ้น BA หรือ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บวก 6.25% เพิ่มขึ้น 0.90 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 15.30 บาท หุ้น AAV หรือ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)บวก 3.13% เพิ่มขึ้น 0.04 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 1.32 บาท และ หุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บวก 2.10% เพิ่มขึ้น 0.75 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 36.50 บาท
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้น BA และ AAV ปรับตัวเพิ่มขึ้นตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ เช่นเดียวกับ AOT ซึ่งต้องยอมรับว่า หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก อย่าง หุ้น BA ที่เคยอยู่จุดสูงสุดที่ประมาณ 25-26 บาท ปรับตัวลงมาเหลือเพียง 10 บาท ซึ่งคิดเป็นการลดลงประมาณ 60% จากจุดสูงสุด แม้ว่าราคาหุ้นที่ 10 บาทจะสูงกว่าช่วงโควิดที่เคยต่ำสุดถึง 4 บาท แต่สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างกันอย่างมาก ในช่วงโควิด การหยุดบินเป็นการหยุดที่ไม่มีกำหนดอนาคต และบริษัทขาดทุนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจท่องเที่ยวยังคงเป็นธุรกิจหลักที่มีความแข็งแกร่งของไทย และเป็นธุรกิจที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะสังคมสูงวัยของไทยมากนัก เนื่องจากพึ่งพากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก แตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าว
สำหรับข้อมูลกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้เปิดเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุด พบว่า มีจำนวน 570,747 คน เพิ่มขึ้น 0.3% จากสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันคือประมาณ 560,000-570,000 ราย
นอกจากนี้ โดยปกติแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวของไทยจะต่ำสุดของปีในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2,266,574 คน และในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตัวเลขได้ปรับตัวดีขึ้นเป็น 2,327,720 คน ซึ่งเป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับปีก่อน ๆ ที่เดือนพฤษภาคมจะเป็นจุดต่ำสุด และเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมจะเริ่มดีขึ้น
"หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวแนะนำซื้อ มองว่าราคาหุ้นได้ตอบรับผลกระทบเชิงลบไปมากเกินไปแล้ว และราคาที่ลดลงมามากกว่าผลประกอบการ คาดการณ์ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง บวกกับปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มนี้ยังคงแข็งแกร่งมาก และหุ้นท่องเที่ยวหลายตัวที่ไม่ใช่สายการบิน มีราคาที่ปรับตัวลงไปต่ำกว่าช่วงโควิด-19 เสียอีก"
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปบ้าง แต่เป็นปัจจัยที่อาจเป็นเพียงชั่วคราว แตกต่างจากช่วงโควิดที่เราไม่ทราบว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งภาพรวมของบริษัทหลายแห่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ภาวะหนี้สินต่อทุนดีขึ้น จำนวนโรงแรมที่บริหารหรือเป็นเจ้าของมีมากขึ้น หรือหากเป็นธุรกิจสปาก็มีจำนวนสาขาที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การที่ราคาหุ้นลดลงในระดับปัจจุบันจึงเป็นโอกาสในการลงทุน
