CPF ยันภาษีทรัมป์กระทบต้นทุนแต่ส่งออกสหรัฐน้อย แนะรัฐมีมาตรการระยะสั้น-หนุนเอกชนกระจายตลาด

CPF ออกมาชี้แจงยืนยันผลกระทบภาษีสหรัฐต่อส่งออกบริษัทสัดส่วนน้อย 800 ล้านบาท/ปี พร้อมขยายตลาดในสหรัฐล่วงหน้า 10 ปี สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนแนะนำภาครัฐมีมาตรการระยะสั้นและหนุนเอกชนกระจายตลาดส่งออก
KEY
POINTS
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ได้ชี้แจงต่อเรื่องผลกระทบภาษีสหรัฐ ซึ่งยืนยันความเห็นที่เคยให้สัมภาษณ์ ว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มากนัก เนื่องจาก มีการส่งออกจากไทยไปสหรัฐมูลค่าเพียงแค่ปีละ 800 ล้านบาท อีกทั้งได้มีการขยายการลงทุนไปในสหรัฐอเมริกามานานกว่า 10 ปีแล้ว มีฐานการผลิตในประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าวัตถุดิบไปยังอเมริการบางรายการปรับสูงขึ้น
"ส่วนในมุมมองผมต่อภาพรวมธุรกิจในไทย เรื่องภาษีเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อธุรกิจเอกชนค่อนข้างมาก และเรื่องนี้คงมีความไม่แน่นอนต่อไปอีกระยะหนึ่ง คิดว่ารัฐบาลควรเข้ามาช่วยเหลือภาคเอกชนจากผลกระทบระยะสั้นของการปรับขึ้นภาษี เช่น ผลกระทบขั้นต่ำต่ออัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น มีกี่เซคเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ และรัฐควรมีมาตรการเข้าไปช่วยเหลือในระยะสั้นอย่างไร อาทิ เงินกู้เพื่อช่วยเหลือเฉพาะกิจ ส่วนระยะยาวรัฐควรมาดูแลแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตของภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารให้สามารถแข่งขันได้ โดยอาจใช้กลไกการลงทุน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิต” นายประสิทธิ์กล่าว
พร้อมกันนี้ ได้เสนอแนะว่า ประเทศไทยควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและขยายตลาด ซึ่งหลักการคือ เราจะไปลงทุนสร้างประโยชน์อะไรในประเทศนั้น ตลาดนั้นใหญ่พอหรือไม่ และที่สำคัญควรมีพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็งในประเทศปลายทาง โดยภาครัฐควรบทบาทในการช่วยเจรจาหาพันธมิตรที่เหมาะสมและสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ และบีโอไอควรออกมาตรการส่งเสริมการขยายการลงทุนไปต่างประเทศไทย







