เช็กลิสต์ หุ้นเพื่อไทย-ภูมิใจไทย หลังแยกทาง เซ่นการเมืองเดือด-พิพาทกัมพูชา ดิ่งหนักแค่ไหน?

ชั่วโมงนี้ การเมืองร้อนองศาเดือดเสถียรภาพรัฐบาลถูกสั่นคลอนจากคลิปเสียงหลุดของท่านผู้นำไทยและอดีตนายกฯ กัมพูชา ส่งผลให้ตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหุ้นระดับเกรดพรีเมี่ยมของบ้านในทุกหมวดอุตสหกรรมปรับราคาลดลงมาอย่างมาก  รวมไปถึงหุ้นการเมือง ที่มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้ได้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว "กรุงเทมพธุรกิจ"  ได้สำรวจหุ้นการเมืองของ 2 พรรคใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อการเมืองไทย ว่ามีการปรับตัวลงไปมากน้อยขนาดไหนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

หุ้นพรรคเพื่อไทย

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SC 

• ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
• มาร์เก็ตแคป 6,287.58 ล้านบาท
• ราคา YTD -42.58%  
• เงินปันผล YTD 10.88%
• กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 112.25 ล้านบาท ลดลง -38.53% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 182.61 ล้านบาท 
• รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 2,692.95 ล้านบาท ลดลง 33.08% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 4,024.35 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ถือรวมกัน  64.71%

• น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน  1,176,915,495 หุ้น สัดส่วน 27.52%
• บลจ.เกียรตินาคินภัทร (รับโอนจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพื่อการจัดการหุ้นของนายกรัฐมนตรี) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 1,026,149,870 หุ้น สัดส่วน 23.99%
• นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 201,234,375 หุ้น สัดส่วน 4.70%
• บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (รับโอนจากรมต. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพื่อการจัดการทรัพย์สินของรมต.ฯ) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 190,000,000 หุ้น สัดส่วน 4.44%
• คุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 117,109,887 หุ้น สัดส่วน 2.74%
• นาย พานทองแท้ ชินวัตร ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 56,363,000 หุ้น สัดส่วน 1.32%

บล.กรุงศรี เปิดเผยว่า SC มีแผนเปิดโครงการใหม่ไตรมาส 2/68  มูลค่ารวม 7.5 พันล้านบาท เป็น low-rise 5 โครงการเป็นไปตามแผนโดยเปิดแล้ว 3 โครงการ มูลค่ารวม 5.5 พันล้านบาท average take-up rate ราว 7% ในขณะที่อีก 2 โครงการมูลค่ารวม 1.9 พันล้านบาท  จะเปิดใน 25 มิ.ย.2568 QTD presale (Apr-May 25) = 3.9 พันล้านบาท (เฉลี่ย1.95 พันล้านบาทต่อเดือน) สูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนในไตรมาส 1/68 ที่ 1.3 พันล้านบาท โดยกลุ่ม low-rise ดีขึ้น q-q ตามการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น และมี big  event กระตุ้นยอดขาย 

ทั้งนี้ SC คาดหวังไตรมาส 2/68 presale ที่ราว 5.5 พันล้านบาท ลดลงy-y เล็กน้อย เพิ่มขึ้นq-q น่าจะมีโอกาสทำได้ ซึ่งบริษัทไม่ได้เปิดเผย QTD  transfer แต่ยังคงเป้า ไตรมาส 2/68 transfer ที่ราว 4.0-4.5 พันล้านบาท ลดลง y-y เล็กน้อย เพิ่มขึ้น q-q โดยไตรมาสนี้ยังมี backlog ทั้ง low-rise และ condo รอโอนมาก

สำหรับแนวโน้มเปอร์เซ็นต์ residential GPM คาด 29.0% ลดลงจากไตรมาส 1/68 ตาม price promotion ที่เพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายแต่เปอร์เซ็นต์ GPM ที่ 29% อยู่ในแผนเป้า ทั้งปีของปีนี้ ซึ่งคาดกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มq-q ตามแนวโน้มการโอนที่คาดดีขึ้นหลังมีมาตรการผ่อนคลาย LTV แต่เทียบy-y คาดลดลงเพราะ backlog รอโอนไม่มาก

บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) PR9

• นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการ
• มาร์เก็ตแคป 18,792.57 ล้านบาท
• ราคา YTD -10.65%  
• เงินปันผล YTD 1.67%
• กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 200.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.08% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 158.99 ล้านบาท 
• รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 1,264.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.71% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 1,093.13 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ถือรวมกัน  39.19%

• คุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 293,026,600 หุ้น สัดส่วน 37.27%
• บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (รับโอนจากรมต.นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพื่อการจัดการทรัพย์สินของรมต.ฯ) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 14 จำนวน 5,000,000 หุ้น สัดส่วน 0.64%
• น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 15 จำนวน 5,000,000 หุ้น สัดส่วน 0.64%
• นาย พานทองแท้ ชินวัตร ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 16 จำนวน 5,000,000 หุ้น สัดส่วน 0.64%

นาย พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกชายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด (Aerosoft) และเป็นหลานชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ทั้งนี้ พบว่า โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นพ่อ ถือหุ้นใหญ่ 6 หลักทรัพย์ 

บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) AIRA ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 304,169,101 หุ้น สัดส่วน 4.82% ราคา YTD -18.92%

บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) APURE ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 298,776,030 หุ้น สัดส่วน 31.18% ราคา YTD -20.48%

บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) CV ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 15,356,300 หุ้น สัดส่วน 0.90% ราคา YTD -82.35%

บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)GRAMMY ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 22,720,000 หุ้น สัดส่วน 2.77% ราคา YTD -41.45%

บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) JPARK ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 13 จำนวน 2,211,000 หุ้น สัดส่วน 0.55% ราคา YTD -25.35%

บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) PF ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 344,933,765 หุ้น สัดส่วน 3.45% ราคา YTD -28.57%

หุ้นพรรคภูมิใจไทย

บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) STPI

• มาศถวิน ชาญวีรกูล กรรมการผู้จัดการ
• มาร์เก็ตแคป 6,632.92 ล้านบาท
• ราคา YTD +13.66%  
• เงินปันผล YTD -%
• กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 124.59 ล้านบาท ลดลง 41.06% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 211.37 ล้านบาท 
• รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 844.11 ล้านบาท ลดลง 26.16% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 1,143.09 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลชาญวีรกูล และบริษัทในครอบครัว ถือรวมกัน  17.92%

• บลจ.เกียรตินาคินภัทร (รับโอนจากรมต.อนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อการจัดการทรัพย์สินของรมต.ฯ) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 178,306,142  หุ้น สัดส่วน 9.84%
• บริษัท เบสท์ ควอลิตี้ สกิลส์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 81,938,825 หุ้น สัดส่วน 4.52% 
• นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 64,589,765 หุ้น สัดส่วน 3.56%

บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) STECON

• ภาคภูมิ ศรีชำนิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่
• มาร์เก็ตแคป 9,949.98 ล้านบาท
• ราคา YTD -14.94%  
• เงินปันผล YTD -%
• กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 341.52 ล้านบาท 
• รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 6,781.58 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลชาญวีรกูล และบริษัทในครอบครัว ถือรวมกัน  21.01%

• บริษัท ซี.ที. เวนเจอร์ จำกัด  ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 293,634,788  หุ้น สัดส่วน 19.33%
• นาย มาศถวิน ชาญวีรกูล ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 11 จำนวน 25,457,142  หุ้น สัดส่วน 1.68%

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย

• บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) AMA
• พิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ
• มาร์เก็ตแคป 2,102.74 ล้านบาท
• ราคา YTD -3.79%  
• เงินปันผล YTD 11.08%
• กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 68.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.95% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 47.14 ล้านบาท 
• รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 760.57 ล้านบาท ลดลง 2.92% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 783.45 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลรัชกิจประการ และบริษัทในครอบครัว ถือรวมกัน  62.43%

• บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 130,100,000 หุ้น สัดส่วน 25.12%
• บริษัท พีทีจี โลจิสติกส์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 124,320,000 หุ้น สัดส่วน 24.00%
• นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 20,280,000 หุ้น สัดส่วน 3.92%
• บลจ.เกียรตินาคินภัทร (รับโอนจากรมต.พิพัฒน์ รัชกิจประการ เพื่อการจัดการหุ้นของรมต.ฯ) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 15,000,000 หุ้น สัดส่วน 2.90%
• นาย พิศาล รัชกิจประการ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 13,725,000 หุ้น สัดส่วน 2.65%
• นาย สุนทร รัชกิจประการ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 7,000,000 หุ้น สัดส่วน 1.35%
• นาย สุทธิวุฒิ รัชกิจประการ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 11 จำนวน 4,972,000 หุ้น สัดส่วน 0.96%
• นาย ธนัท รัชกิจประการ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 14 จำนวน 4,254,720 หุ้น สัดส่วน 0.82%
• น.ส. ภัคจิรา รัชกิจประการ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 15 จำนวน  3,664,000 หุ้น สัดส่วน 0.71%

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG

• พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
• มาร์เก็ตแคป 10,270.50 ล้านบาท
• ราคา YTD -25.00%  
• เงินปันผล YTD 5.69%
• กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 190.05 ล้านบาท ลดลง 26.25% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 639.61 ล้านบาท 
• รายได้ไตรมาส 1/68 ที่ 57,534.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.45% เทียบไตรมาส 1/67 ที่ 55,083.07 ล้านบาท
• ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลรัชกิจประการ และบริษัทในครอบครัว ถือรวมกัน  27.62%
• บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 419,504,000 หุ้น สัดส่วน 25.12%
• นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 41,691,134 หุ้น สัดส่วน 2.50%

บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ผู้บริหารคาดว่า อัตรากำไรน้ำมันในไตรมาส 2/68 จะขยายตัว QoQ จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง 14% QTD ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงทรงตัว QTD อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตรตั้งแต่เดือน เม.ย.2568 อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ผู้บริหารคาดว่า อัตรากำไรน้ำมันจะอยู่ในระดับล่างของช่วงปกติราว 1.7-1.8 บาทต่อลิตร เนื่องจากรัฐบาลมีแนวโน้มจะจัดเก็บเงินเพื่อฟื้นฟูกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้กลับมาเป็นบวกที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้แม้การบริโภคภายในประเทศจะอ่อนแอ ผู้บริหารยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย โดยตั้งเป้าเปิด 600 สาขาในปีนี้  จาก 465 สาขาในปี 2567 เนื่องจากธุรกิจกาแฟยังคงมีความน่าสนใจด้วย GPM ที่แข็งแกร่งราว 50% และการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตต่อเนื่องมากกว่า 35%