หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 3.06 จุด ทรัมป์ชะลอเก็บภาษี EU 50% จับตายอดส่งออกไทยคาดยังแข็งแกร่ง

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 3.06 จุด  ทรัมป์ชะลอเก็บภาษี EU 50% จับตายอดส่งออกไทยคาดยังแข็งแกร่ง

หุ้นไทยเปิดเช้านี้ บวก 3.06 จุด หรือ 0.26% หรืออยู่ที่ 1,179.42 จุด นักวิเคราะห์เผย ทรัมป์ชะลอเก็บภาษี EU 50% ส่วนในประเทศวันนี้จับตาตัวเลขส่งออกไทย เดือน เม.ย. คาด +12.2%y-y กลยุทธ์ยังแนะเพิ่มความระมัดระวัง วันนี้แนะ “GULF”

ความเคลื่อนไหว "ตลาดหุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 26 พ.ค.2568 เวลา 10.00 น. บวก 3.06 จุด หรือ 0.26% หรืออยู่ที่ 1,179.42 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,077.18 ล้านบาท

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 3.06 จุด  ทรัมป์ชะลอเก็บภาษี EU 50% จับตายอดส่งออกไทยคาดยังแข็งแกร่ง

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า สงครามการค้ายังคงวนเวียนกดดันการลงทุน โดยช่วงสุดสัปดาห์ โดนัล ทรัมป์ ขู่จะเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับ ไอโฟนที่จำหน่ายในสหรัฐฯ แต่ผลิตในต่างประเทศ ถือเป็นการกดดันให้ Apple ย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ 

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปในอัตราที่สูงถึง 50% เนื่องจากยังไม่พอใจกับข้อเสนอทางการค้าของสหภาพยุโรป (EU) โดยมองว่า ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ แต่อย่างไรก็ดี เช้านี้ทรัมป์มีการขยายเส้นตายสำหรับภาษี 50% ของยุโรปจาก 1 มิ.ย. ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. หลังจากได้คุยกับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งอาจช่วยผ่อนคลายได้เล็กน้อย

คาดตลาดหุ้นระยะสั้นยังค่อนข้างผันผวน และกลับมาเกาะติดการเจรจาการค้ามากยิ่งขึ้น ขณะที่ไทย ยังไม่เห็นความคืบหน้าการเจรจาอย่างชัดเจน ดังนั้นคงเป็นประเด็นที่ยังกดดัน ผสานกับสัญญาณทางเทคนิค SET หลุดแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1180 จุด ดังนั้นยังคงแนะเพิ่มความระมัดระวังต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น
  
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่น่าติดตามในวันนี้ ได้แก่ ยอดการส่งออกของไทย เดือนเมษายน โดยตลาดคาดมูลค่าส่งออก 2.61 หมื่นล้านเหรียญ (+12.2%y-y) ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยคาดได้แรงหนุนจากการเร่งส่งออกก่อนที่จะมีบทสรุปที่ชัดเจนของมาตรการการค้าของทรัมป์

วันนี้แนะนำหุ้น GULF แนวโน้มธุรกิจแข็งแกร่ง โดยเป็น Holding ที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจพลังงาน, โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิตอล (Data center, Cloud, AI) โดยคาดกำไรปีนี้จะเติบโตราว +15% ฐานะการเงินแข็งแกร่งหลังจากควบรวมกับ INTUCH ส่งผลให้ D/E ratio ลดลงสู่ ระดับ 0.8 เท่า จากเดิมที่ 1.8 เท่า ผสานศักยภาพการเติบโตในอนาคตยังมีต่อเนื่อง ราคาเป้าหมาย 60 บาท