‘เทรดวอร์’ ปลุกหุ้นจีนฟื้นตัว ‘ต่างชาติ’ ลดเสี่ยงตลาดหุ้นไทย

‘เทรดวอร์’ ปลุกหุ้นจีนฟื้นตัว  ‘ต่างชาติ’ ลดเสี่ยงตลาดหุ้นไทย

โบรกเกอร์ มอง “ฟันด์โฟลว์” ระยะข้างหน้า “ไหลออก” หุ้นไทยเผชิญแรงขาย “ลดเสี่ยง” จับตาเงินไหลออกหุ้นสหรัฐสูงสุดปีนี้ หันซื้อหุ้นจีน หลัง "สงครามการค้า" ปลุกหุ้นจีนฟื้น

KEY

POINTS

  • ตั้งแต่ต้นปีถึง 14 มี.ค.2568 "ฟันด์โฟลว์" ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 30,771.81 ล้านบาท และทิศทางยังไหลออกต่อเนื่อง
  • บล.กสิกรไทย มอง "ตลาดหุ้นไทย" ความ “น่าสนใจ” มีน้อยกว่าเมื่อเทียบตลาดหุ้นต่างประเทศ 
  • เงินทุนไหลออก "หุ้นสหรัฐ" สูงสุดในปีนี้ "ราคาทองคำโลก" พุ่งทะลุแนวรับสำคัญที่ 3,000 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่ซื้อ "สินทรัพย์ปลอดภัย"
  • "รอยเตอร์" รายงานว่า สงครามการค้าสหรัฐ กำลังปลุก “ตลาดหุ้นจีน” ให้ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง 

หากดูสถิติตั้งปี 2567 ของนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยไปแล้วมากกว่า 1.47 แสนล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน (14 มี.ค.2568) พบว่า “ฟันด์โฟลว์” ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 30,771.81 ล้านบาท (1 ม.ค.-14 มี.ค.68) และทิศทางฟันด์โฟลว์ยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทย

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีมุมมองต่อทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติระยะข้างหน้าอาจยังคงเป็นภาพ “ขายสุทธิ” ในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากความ “น่าสนใจ” ของหุ้นไทยมีน้อยกว่าเมื่อเทียบตลาดหุ้นต่างประเทศ 

ทั้งนี้ แม้ valuation หรือการประเมินมูลค่าหุ้นไทยจะ “ไม่แพง” เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา แต่ตลาดอื่นในภูมิภาค Valuation ถูกกว่า และมีแนวโน้มเศรษฐกิจ และผลประกอบการขยายตัวมากกว่าไทย

ขณะที่ “ตลาดเงิน” มองค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีเคลื่อนไหวในกรอบทรงตัวที่ระดับ 33.50-34.30 บาทต่อดอลลาร์ เพราะมีเม็ดเงินต่างชาติเข้าซื้อตลาดพันธบัตรไทย บนมุมมองที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะลดลงหลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า และเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมาย

ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าใน 2-3 เดือนข้างหน้า ในกรอบ 34.50-35.00 บาทต่อดอลลาร์ เพราะนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขายสินทรัพย์เสี่ยงของไทย ทิศทางเดียวกับ “ตลาดเกิดใหม่” ในภูมิภาคต่อ เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวนขึ้นจากสงครามการค้า

อีกทั้ง ในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี หรือราวเดือนเม.ย.-พ.ค. เป็นช่วงฤดูกาลจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ซึ่งโดยปกติจะเห็นกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเงินตลาดทุนของไทย เนื่องจากการนำเงินปันผลกลับประเทศของ “นักลงทุนต่างชาติ” 

ดังนั้น ทำให้เรามองทิศทางดัชนีหุ้นไทยยังคงมี “ความเสี่ยง” ที่จะยังผันผวนต่อในระยะข้างหน้า กรอบใหญ่ที่ แนวรับ 1,095-1,130 จุด และแนวต้าน 1,240-1,270 จุด ตามลำดับ

เงินทุนไหลออกหุ้นสหรัฐสูงสุดในปีนี้

ก่อนหน้าที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับมา "รีบาวด์" ได้ในวันศุกร์ ธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (BofA) รายงานสถานการณ์รอบสัปดาห์ที่แล้วสิ้นสุดวันที่ 12 มี.ค.2568 ว่า มีทุนไหลออกจากกองทุนหุ้นสหรัฐ 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือสูงสุดในปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณสะท้อนบรรยากาศขาลงของตลาดการเงินโลก หลังดัชนี S&P 500 ลดลงเกิน 10% จากจุดสูงสุดเข้าสู่ระดับของการปรับฐาน

ทางกลับกันมีเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรสหรัฐรอบสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2567 ที่ 6.4 พันล้านดอลลาร์ และมีเงินไหลเข้าหุ้นยุโรป 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแบงก์ออฟอเมริกา ระบุว่าหุ้นสหรัฐเข้าโหมดความเสี่ยงสูง (risk-off) แล้ว โดยนักวิเคราะห์ BofA กล่าวว่า การไหลออกยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกระแสเงินไหลเข้า 1.56 แสนล้านดอลลาร์ ที่ไหลเข้ากองทุนหุ้นทั่วโลกปีนี้

ราคาทองคำโลกทะลุแนวรับสำคัญที่ 3,000 ดอลลาร์ ครั้งแรกวันที่ 14 มี.ค.2568 โดยนักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยทำให้ราคาทองคำสปอตแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 3,004.86 ดอลลาร์ในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย ก่อนที่จะลดลง 0.1% สู่ระดับ 2,986.26 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำฟิวเจอร์สหรัฐ สูงขึ้น 0.3% ที่ 3,001.10 ดอลลาร์ ตลอดทั้งปีนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้วเกือบ 14%

หนีหุ้น “สหรัฐ” หันซื้อหุ้นจีน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สงครามการค้าของสหรัฐกำลังปลุก “ตลาดหุ้นจีน” ให้ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ดัชนีฮั่งเส็งในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งมีบริษัทจีนขนาดใหญ่หลายจดทะเบียนปรับตัวขึ้นถึง 17% นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าจนทำให้นักลงทุนตลาดหุ้นกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 9% และมูลค่าตลาดหายไปกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนก.พ.

แอนดี้ หว่อง ผู้บริหารของ บริษัท พิคเทท แอสเสท แมเนจเมนท์ เผยว่านักลงทุนเริ่มเปลี่ยนความเชื่อจาก “TINA” (There Is No Alternative) หรือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสินทรัพย์ในสหรัฐ ไปเป็น “TIARA” (There Is A Real Alternative) คือ นักลงทุนเริ่มมองเห็นโอกาสลงทุนสินทรัพย์อื่นนอกเหนือจากสหรัฐ

หว่อง เห็นโอกาสลงทุนกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี กลาโหม และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยการเติบโตของหุ้นจีนส่วนใหญ่มาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% จนแตะระดับสูงสุดรอบ 3 ปี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกเหนือจากนักลงทุนจะโยกเงินลงทุนจากสหรัฐแล้ว ผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์กว่า 12 ราย พบว่านักลงทุนกำลังโยกย้ายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายเช่นกัน โดยธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ยังพบว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินหยวนเป็นเงินดอลลาร์ฮ่องกงในปริมาณสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินทุนกำลังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างมีนัยสำคัญ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์