โบรกคาด ‘กลุ่มเครื่องดื่ม’ แข่งดุรับฤดูร้อน ฉุดรายได้โตชะลอ

โบรกคาด ‘กลุ่มเครื่องดื่ม’ แข่งดุรับฤดูร้อน ฉุดรายได้โตชะลอ

โบรกคาด ‘กลุ่มเครื่องดื่ม’ แข่งดุรับฤดูร้อน ฉุดรายได้โตชะลอ บล.กสิกรไทย เผย กลุ่มเครื่องดื่มในปีนี้คาดผลประกอบการน่าจะเติบโตกว่า 10% ใกล้เคียงกับตลาด บลจ. เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ระบุกลุ่มเครื่องดื่มปีนี้คาดโตได้ในระดับ QoQ แต่ YoYยังไม่เติบโต ด้าน บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) แนะนำกลุ่มนี้เทรดดิ้ง

ปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยา เข้าสู่ “ฤดูร้อน 2568” โดยอุณหภูมิสูงสุดบริเวณประเทศไทยตอนบนสูงขึ้นและมีอากาศร้อน และคาดฤดูร้อนจะสิ้นสุดประมาณกลางพ.ค.2568 คาดอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยตอนบน 35-36 องศาเซลเซียส เทียบอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 37.5 องศาเซลเซียสในปี 2567 “นักวิเคราะห์” ระบุว่า ปีนี้อาจจะร้อนน้อยกว่าปีก่อน ทว่า “กลุ่มเครื่องดื่ม” ยังคงมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง และยังคงมีความกังวลต่อสงครามการค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบ

“รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กลุ่มเครื่องดื่มในปีนี้คาดผลประกอบการน่าจะเติบโตกว่า 10% ใกล้เคียงกับตลาด ซึ่งปีนี้สิ่งที่จะเข้ามาขับเคลื่อนผลประกอบการที่จะทำให้มีการเติบโตในปีนี้ สำคัญที่สุดคือ เรื่องต้นทุนที่น่าจะปรับตัวลดลงมา และจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น

ทั้งนี้ นักลงทุนจะมีการเข้ามาเก็งดักไว้ก่อนในช่วงฤดูร้อน และปีนี้ถือว่ามีความท้าทายหลายด้านในกลุ่มเครื่องดื่มบางทีมีการส่งออกด้วย ดังนั้นอาจจะมีอุปสงค์ในการเร่งซื้ออาหารเครื่องดื่มช่วงเทศกาลหน้าร้อน แต่ทว่าความท้าทายสงครามการค้าได้ ขณะที่ Valuation สูงกว่าตลาด ดังนั้น จึงมองกลุ่มนี้เป็นกลาง สอดรับบวกตลาดยังไม่ค่อยสู้ดีนัก

ส่วน OSP มีทิศทางในปีนี้จะได้รับต้นทุนที่ลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการอาจจะกลับมาโตได้จากปีก่อนที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร และกลุ่มเครื่องดื่มยังคงมีส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย และช่วงนี้มีกรณีสงครามการค้าเข้ามาอาจจะทำให้ได้รับแรงกดดันเข้ามากระทบได้

“ประกิต สิริวัฒนเกตุ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเครื่องดื่มปีนี้คาดจะเติบโตได้ในระดับ QoQ แต่ใน YoY คาดยังไม่สามารถเติบโตได้ ข้อแรกสภาพอากาศอาจจะไม่ได้ร้อนจัดในปีนี้ เมื่อเทียบกับเท่ากับปีที่ผ่านมา ขณะที่กำลังซื้ออาจน้อยลงโดยภาพรวมเครื่องดื่มหดตัวสภาพเศรษฐกิจ และเชื่อปีนี้การแข่งขันค่อนข้างสูงขึ้น เท่าที่ดูในกลุ่มนี้มีการเล่นเรื่องราคากันสูงมากจากนี้ ดังนั้น ผลประกอบการโดยภาพรวมจึงไม่น่าจะเติบโตได้จากช่วงเดียวกัน 

กรณีสงครามการค้าที่ดูเหมือนจะรุนแรง แต่ทว่ากลุ่มเครื่องดื่มยังคงไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไตรมาส 2 ปี 68 ยังคงไม่ทัน ขณะที่ไตรมาส 3 ปี 68 ค่อนข้างน่ากลัว หากไทยเจรจาไม่ได้อาจจะได้รับผลกระทบหนัก

“กรรณ์ หทัยศรัทธา” นักกลยุทธ์การลงทุน บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า การแข่งขันยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่อง หลังจาก CBG หรือ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแชร์ของเครื่องดื่มชูกำลังขึ้นมาเยอะมากจาก 30% จากเดิมอยู่ที่ประมาณกว่า 20% ขณะที่ OSP หรือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) มีการแก้เกมโดยการออกสินค้า M150 ฝาเหลือง ราคา 10 บาท ซึ่งมีความคล้ายกับสินค้าเดิมที่ผสมน้ำผึ้งที่ขายอยู่ก่อนหน้า ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน ทำให้อาจมีการแย่งชิงมาร์เก็ตแชร์ของกลุ่ม OSP และถ้ามีการลดราคาจาก 12 บาท เป็น 10 บาท จะทำให้อัตรากำไรอัตราขั้นต้นไม่สูงนัก

ขณะที่ ราคาของหุ้น ICHI หรือ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ SAPPE หรือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ราคาดีดขึ้นมาพอสมควรในก่อนหน้า โดย ICHI ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนหุ้น SAPPE มีการออกไปยังตลาดต่างประเทศแถวยุโรป

อย่างไรก็ตาม หุ้น 4 ตัวนี้ CBG OSP SAPPE และ ICHI แนะนำเป็นเทรดดิ้ง โดย CBG มีความโดดเด่นในกลุ่มเครื่องดื่ม คือ กำลังจะมีการเปิดโรงงานที่เมียนมา เมื่อเปิดอย่างเป็นทางการแล้วจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และสามารถแย่งชิงมาร์เก็ตแชร์ในไทยได้

“OSP เน้นการขายในประทศ ขณะที่ CBG เน้นตลาด CLMV อาจจะทำให้ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าค่อนข้างน้อย เนื่องจากภาษีที่ทรัมป์เน้นจะเป็นสินค้ารถยนต์ ยา แต่ทว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำตาลที่ปรับเพิ่มขึ้นมาได้บ้างแต่ไม่มาก”

โบรกคาด ‘กลุ่มเครื่องดื่ม’ แข่งดุรับฤดูร้อน ฉุดรายได้โตชะลอ