ตลาดหุ้นไทย 2568 ...วิกฤติ หรือ โอกาส

บรรยากาศการลงทุนยังคงอึดอัด มีข่าวดีเข้ามาได้ไม่นานก็มักจะมีเรื่องให้ตลาดกังวลเพิ่มเรื่อยมา กระแสเงินที่ไหลออกจากกองทุนลดหย่อนภาษีที่มีปริมาณสูงขึ้นมาก แม้หุ้นขนาดใหญ่ที่พื้นฐานทางการเงินแข็งแกร่งก็ยังถือว่ารอดตัวยาก
เรียกได้ว่าเวลาได้เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันได้ข้ามผ่านครึ่งทางของไตรมาสแรกปี 2568 ไปแล้ว แต่เรื่องของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านไปได้ยาก หลังดัชนี SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,500 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 ดัชนีก็ปรับตัวลงต่อเนื่องและมีโอกาสได้ไปทดสอบบริเวณ 1,190 และ 1,200 จุด เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนหลายท่านเผชิญความยากลำบากกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างมาก
บรรยากาศการลงทุนยังคงอึดอัด มีข่าวดีเข้ามาได้ไม่นานก็มักจะมีเรื่องให้ตลาดกังวลเพิ่มเรื่อยมา กระแสเงินที่ไหลออกจากกองทุนลดหย่อนภาษีที่มีปริมาณสูงขึ้นมาก แม้หุ้นขนาดใหญ่ที่พื้นฐานทางการเงินแข็งแกร่งก็ยังถือว่ารอดตัวยาก สะท้อนได้จากความผันผวนในช่วงที่ผ่านมาที่เรามักเห็นหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวในประเทศปรับตัวขึ้นลงในแต่ละวันในระดับ 5-10% ได้ไม่ยาก อีกทั้งหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กบางตัวถูก Force Sell และอาจจะลุกลามไปยังหุ้นตัวอื่น ๆ ซึ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นยิ่งแย่ลง แต่เชื่อว่าเป็นโอกาสดีในการปรับพอร์ตเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในโลกการลงทุน
โดยปัจจัยที่ถูกจับตามองมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมานอกเหนือจากปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้นรายตัว คือเรื่องของสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นหลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราภาษีนำเข้าที่อาจส่งผลต่อไปสู่ระดับเงินเฟ้อ การจ้างงาน และนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เรามีมุมมองว่าเรื่องความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากปัญหาเรื่องสงครามการค้าคาดมีโอกาสที่จะยืดเยื้อไปตลอดสมัยการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้นักลงทุนต้องมีการปรับพอร์ตการลงทุนให้พร้อมกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
โดยหลายท่านที่ติดตามตลาดหุ้นไทยมาสักระยะอาจจะผิดหวัง และหมดหวังกับตลาดหุ้นไทยไปแล้ว ไม่ว่าจากประเด็นเฉพาะตัวของบริษัทจดทะเบียนฯ เรื่องธรรมาภิบาล มาตรการกำกับดูแลซื้อขายหุ้น และ อาจมีความกังวลไปอีกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในวันนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่หลายเรื่อง และโอกาสการขยายตัวในอนาคตก็มีแนวโน้มชะลอตัวลง จึงอยากนำเงินทุนบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศที่มีธุรกิจที่กำลังเติบโตและฐานเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดี
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าในยุคที่ความไม่แน่นอนในโลกการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น การแบ่งพอร์ตการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ซึ่งหากลองพิจารณาดูตลาดหุ้นไทย ณ วันนี้ เต็มไปด้วยหุ้นปันผลสูง หุ้นขนาดใหญ่ที่พื้นฐานดี หลายตัวก็มีราคาถูกลง และหากพิจารณาจากอัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ ก็เรียกได้ว่าถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตหลายตัว ผู้เขียนมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเริ่มสร้างพอร์ตการลงทุนที่เปรียบเสมือนเป็นแนวป้องกันจากการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีปันผลสูงในประเทศไทย โดยสัดส่วนที่เหลือสามารถนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มากขึ้น โดยอาจเปรียบเสมือนเกมบุก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว







