สงครามราคาฉุดหุ้นเครื่องดื่ม โบรกเกอร์คาดตลาดเดือด ชิงมาร์เก็ตแชร์

การแข่งขัน “ธุรกิจเครื่องดื่ม” ช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะสงครามด้านราคาเพื่อช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์ ล่าสุด บมจ. คาราบาว กรุ๊ป (CBG) แย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก บมจ.โอสถสภา (OSP) ไปครอง ทำให้ราคาหุ้น OSP เกิดความกดดัน และต้องพลิกกลยุทธ์ด้านราคาเข้ามาสู่ศึกในครั้งนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ปี 2568 ยอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 2.29 แสนล้านบาท ขยายตัว 3.3% แต่เป็นอัตราการเติบโตชะลอลงเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โตเฉลี่ย 4.7% ต่อปี จากการบริโภคที่ยังได้รับแรงกดดันจากกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ และค่าครองชีพยังสูง

ความเคลื่อนไหว “5 หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม” วานนี้ (13 ก.พ.2568) ปรับตัวลงต่อเนื่อง นำทีมโดย หุ้น CBG ลดลง 0.70% อยู่ที่ 71 บาท หุ้น OSP ลดลง 2.68% อยู่ที่ 14.50 บาท หุ้น เซ็ปเป้ (SAPPE) ลดลง 2.86% อยู่ที่ 51 บาท หุ้น อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) ลดลง 0.78% อยู่ที่ 12.80 บาท หุ้น มาลี กรุ๊ป (MALEE) ไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 7.90 บาท 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า “หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม” ปัจจุบันการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ซึ่งก่อนหน้านี้ CBG ใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่ 10 บาทต่อขวด ขณะที่ OSP ไม่ได้เข้ามาเล่นในกลยุทธ์นี้ โดยที่ผ่านมาผู้บริหารมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ 10 บาทเข้ามา แต่จะเป็นช่วงระยะเวลาไม่นาน เป็นช่วงจังหวะแคมเปญสั้น ๆ

ขณะที่ หุ้น SAPPE ส่วนใหญ่เป็นตลาดส่งออก ที่ยังคงมีความกังวลต่อสงครามการค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบ ส่วน หุ้น ICHI ซึ่งถือว่าช่วงนี้ผลประกอบการผ่านช่วงพีคไปเรียบร้อยแล้ว และเป็นช่วงโลซีซัน อาจจะต้องรออีกครั้งในช่วงเดือนเม.ย. 2568 ซึ่งเป็นหน้าร้อนจะกลับมาดี 

อย่างไรก็ตาม หุ้น ICHI จะเป็นหุ้นวัฏจักรหรือเป็นรอบของการลงทุน โดยในช่วงครึ่งปีหลังส่วนใหญ่โมเมนตัมกำไรจะดี ในช่วงไตรมาส 2 และจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมของ “หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม” ไตรมาส 4 ปี 2567 คาดผลประกอบจะออกมาค่อนข้างดี โดยได้รับประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำตาล หรือต้นทุนบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะดีต่อเนื่องไปถึงในปีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับราคาหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างแรงของกลุ่มเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ OSP โดยในปี 2567 หุ้นที่ได้มาร์เก็ตแชร์มากสุดคือ CBG ด้วยกลยุทธ์ของการรักษาราคาไว้ระดับที่ 10 บาท ขณะที่ผู้เล่นรายอื่น อย่างกระทิงแดง หรือ M-150 ราคาอยู่ที่ 12 บาท ทำให้ CBG มีการฟื้นตัวที่ดีกว่าหุ้นในกลุ่มในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา

โดยในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรง ๆ ของ OSP โดย OSP ได้มีการแจ้งว่าจะกลับมาออกสินค้าในราคาที่ 10 บาท ทำให้นักลงทุนหรือตลาดเกิดความกังวลว่าจะกลับเข้ามาสู่การแข่งขันด้านราคาหรือไม่ ทำให้ทั้ง OSP และ CBG ปรับตัวลงมาแรงมาก ๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตาเมื่อสินค้ากลับมาสู่ราคาที่ 10 บาท การแข่งขันก็อาจจะไม่ได้รุนแรงมากนักก็เป็นได้ เพราะจะเห็นว่า เป็นการออกสินค้าใหม่มาจับตลาดในกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นการพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์เพื่อไม่ให้ถูกแย่งไป

ขณะที่ แนวโน้มต้นทุนที่มีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาถึงปีนี้ น่าจะเป็นการช่วยหักล้างของผลกระทบด้านราคาไปได้ ซึ่งราคาหุ้นทั้ง OSP และ CBG มีการตอบรับเชิงลบที่มากเกินไป แนะนำให้นักลงทุนจับตาผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะออกมาได้ในเกณฑ์ที่ดี

ส่วนหุ้น ICHI และ SAPPE มีประเด็นเรื่องการเติบโตตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งทำได้ดีในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน อาจจะกลายเป็นความเสี่ยงจากการเติบโตที่ดีมาก ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เพราะปีนี้อาจจะไม่ได้โดดเด่น ขณะที่ OSP กับ CBG น่าจะมีการเติบโต และการฟื้นตัวที่ดีกว่า

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และบริการการลงทุน บล.กรุงศรี ให้ข้อมูลเสริมว่า หุ้นเครื่องดื่มยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนจากเอเนอร์จี้ ดริ๊งค์ที่อาจจะมีความผันผวนจากอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เครื่องดื่มทั่วไปต้องแยกเป็นรายสินค้าที่มีบางตัวอาจจะได้รับผลกระทบจากการบริโภคของประชาชนที่มีการชะลอตัวลง ขณะที่บางอุตสาหกรรมมีดีมานด์ที่เร่งตัวขึ้นจากกลุ่มน้ำมะพร้าวที่ยังสามารถขายได้ดี และเร่งตัว

“เอเนอร์จี้ ดริ๊งค์ ปัจจุบันอาจจะยังดูมีความเสี่ยง ขณะที่เครื่องดื่มทั่วไปมีโอกาส โดยแนะนำ Selective Buy หุ้นเด่นมองเป็น MALEE ในกลุ่มเครื่องดื่ม รองลงมาเป็นหุ้น SAPPE และ ICHI”

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์