NEX แดงติดฟลอร์อีกแล้ว ต่ำสุดรอบ 4 ปี โบรกฯ ให้ใจเย็น รอช้อนหลังงบ Q2/67 ออก

NEX แดงติดฟลอร์อีกแล้ว ต่ำสุดรอบ 4 ปี โบรกฯ ให้ใจเย็น รอช้อนหลังงบ Q2/67 ออก

หุ้น NEX ติดฟลอร์อีกครั้ง ต่ำสุดรอบ 4 ปี นักวิเคราะห์ค่ายบัวหลวงชี้แม้ราคาสะท้อนประเด็นลบไปแล้ว แต่ยังไม่ใช่จังหวะเก็บตอนนี้ มองโอกาสกำไร Q2/67 กระเตื้องเทียบ Q1/67 ให้ช้อนหลังงบออก ทว่ามองทั้งปีขายรถต่ำเป้าเกือบครึ่ง จึงหั่นคาดการณ์กำไร ลดเป้าพื้นฐานเหลือ 4.40 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้น บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ในวันนี้ 23 พ.ค. 2567 เคลื่อนไหวในแดนลบโดยลงไปต่ำสุดถึงระดับ 2.86 บาท คิดเป็นการปรับลงจากราคาวันทำการก่อนหน้า 29.56% เฉกเช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนที่ราคาหุ้นปรับลงแรงต่อเนื่องถึงระดับฟลอร์

ทั้งนี้ที่ราคา 2.86 บาท ยังถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 4 ปีนับแต่เดือน พ.ค. 2563 อีกด้วย

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้น NEX ที่ปรับตัวลงแรงล่าสุดเป็นผลจากความกังวลของตลาดมากเกินไป แม้หลังการปรับลดประมาณการกำไร ราคาหุ้นที่ลงมาได้สะท้อนไปแล้ว แต่ยังต้องรอจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งเวลาที่ดีในการเข้าซื้อคือรอหลังผลประกอบการไตรมาส 2/2567

แม้ว่าปัจจุบัน NEX มี Backlog รถรอส่งมอบในมือเกือบ 3,000 คัน (รถแทรกเตอร์ 1,125 คัน, รถปิคอัพ 727 คัน และรถบัส 1,000 คัน) โดย ผู้บริหารกล่าวว่าปัญหาโครงสร้างพื้นฐานด้าน EV ในประเทศไทยเป็นข้อจำกัดการส่งมอบ EV ให้กับลูกค้าบริษัทคาดว่าการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของ EV จะใช้เวลาระยะหนึ่ง การสนับสนุนจากรัฐบาลสำหรับการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่ EV

เมื่อทุกอย่างพร้อมคาดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านอุปสงค์ นอกจากนี้ NEX มองหาโอกาสการส่งออกรถ EV เชิงพาณิชย์ (โดยเฉพาะรถบัส EV) ไปยังประเทศเวียดนามและมาเลเซีย

หลังการส่งมอบรถไทยสมายล์บัส (TSB) จำนวนมาก โรงงาน Absolute Assembly (AAB) ได้ปรับเปลี่ยนสายการผลิตเพื่อประกอบรถ EV ประเภทอื่นๆ ทำให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำ

ดังนั้น NEX จึงมีส่วนแบ่งขาดทุนจาก AAB นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง (เนื่องจากยอดขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นและสัดส่วนยอดขายรถบรรทุกและรถแทรกเตอร์ที่สูงขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ารถบัส EV) มีแนวโน้มที่ยังคงเป็นปัญหาต่อไปจนถึงไตรมาส 2/67

แม้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ (การส่งมอบรถ EV เพิ่มขึ้น) และการพลิกกลับเป็นบวกของส่วนแบ่งกำไร QoQ (อัตราการใช้กำลังการผลิตและส่วนแบ่งกำไรจาก TERA ที่สูงขึ้น) ดังนั้นจึงประมาณการว่ากำไรหลักในไตรมาส 2/67 จะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ

สำหรับปี 2567 สมมติฐานการส่งมอบรถ EV ของฝ่ายวิเคราะห์อยู่ที่ 3,000 คัน (ต่ำกว่าเป้าหมายของ NEX ที่ 5,556 คันอยู่มาก) การคาดการณ์ที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มาจากส่วนแบ่งกำไรจาก AAB น้อยลง

ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567 ลงอีกครั้ง 19% มาอยู่ที่ 574 ล้านบาท (ลดลง21% YoY) เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการส่งมอบรถ EV และแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่อ่อนแอ ดังนั้นราคาจึงปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 4.40 บาท และปรับคำแนะนำเป็น ถือ

แม้จะมีความท้าทายดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่ NEX คาดว่าตัวเลขในครึ่งหลังของปี 2567 จะดีกว่ามาก บริษัทยังคงคาดว่าจะส่งมอบรถได้ 5,556 คันในปีนี้จำนวนจุดชาร์จควรเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับความต้องการ และกำลังมีแผนเปิดตัวรถEV ระยะไกลและเฉพาะทาง เช่น รถขยะและรถสำหรับเหมืองแร่ NEX ทุ่มความพยายามอย่างมากในการประมูลโครงการรถขยะ EV ในกรุงเทพฯ

รวมถึงการส่งมอบรถทดสอบด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทมีการเติบโตที่ซัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากมีกำหนดการส่งมอบและอัตรากำไรราบรื่นยิ่งขึ้นเมื่อมีสัญญาอยู่ในมือ