ITD - HYDRO - SBNEXT งบ Q1/67 ยังซึม ตลท.จับ SP ชั่วคราว ผู้สอบบัญชีไม่มีข้อสรุป
Q1/67 งบ ITD เหลือกำไร 122 ล้านบาท ลด 60% บันทึกเผื่อด้อยค่า 680 ล้านบาท ส่วน HYDRO ขาดทุน 5.4 ล้านบาท ลบน้อยลง ทว่ายังคาราคาซังคดีพิพาท 108 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ค้านการชำระส่วน SBNEXT ลบ 93 ล้านบาท ลูกหนี้ - ขาดทุนหลักทรัพย์ กดดัน ทั้ง 3 บริษัทผู้สอบบัญชีไม่สรุปงบ จึงแขวน SP / ปลด 17 พ.ค.67
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยผ่านระบบสารสนเทศช่องทางออนไลน์ว่า ตลท. ขึ้นเครื่องหมาย SP, CS หลักทรัพย์ของบริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) (HYDRO), บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) และ บริษัท สบาย คอนเน็กซ์ เทค จำกัด (มหาชน) (SBNEXT)
จากกรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงิน สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2567 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้
ทั้งนี้เฉพาะการขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อทั้ง 3 หลักทรัพย์ กำหนดขึ้นเครื่องหมาย 16 พ.ค. 2567 โดยจะปลด SP ในวันทำการถัดไปคือ วันที่ 17 พ.ค. 2567
หมายเหตุ : เครื่องหมาย SP ย่อมาจาก Trading Suspension เพื่อแจ้งให้นักลงทุนทราบว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวอยู่ระหว่างห้ามซื้อขายด้วยเหตุผลบางประการ
เครื่องหมาย CS ย่อมาจาก Caution - Financial Statements เพื่อแจ้งเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวัง และศึกษาข้อมูลในงบการเงินของบริษัทโดยละเอียด
สำหรับงบการเงินไตรมาส 1/2567 ของ ITD, HYDRO และ SBNEXT มีภาพรวมปรับลดลงจากช่วงเดียวกันจากปีก่อนหรือบางบริษัทยังมีผลขาดทุนดังนี้
นางนิจพร จรณะจิตต์ กรรมการรองประธานบริหารอาวุโส ITD รายงานกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ไตรมาส 1/2567 ที่ทำได้ 122.40 ล้านบาท ลดลงจากช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ทำได้ 309.21 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลง 60.41%
โดยมีรายได้จากการให้บริการรับเหมาก่อสร้าง 16,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 1,527 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,628 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 166 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามไตรมาสแรกของปี 2567 บริษัท ต้นทุนให้บริการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,752 ล้านบาท มีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท ต้นทุนขาย-บริการเพิ่ม 110 ล้านบาท และยังมีรายการค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าจำนวน 680 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 598 ล้านบาท จากการเผื่อด้อยค่างานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บางราย
นายสุกฤษฎิ์ จินตนาโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการ HYDRO รายงานขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ลบ 5.40 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากไตรมาส 1/2566 ที่ติดลบ 12.55 ล้านบาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 56.91%
โดยมีรายได้รวม 31.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 14.36 ล้านบาท ทว่ามีต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้นชัดเจนส่งผลรวมค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 6.14 ล้านบาท
ส่วนกรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินชี้แจงว่า เกิดจากผลกระทบต่อความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญได้แก่
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน 108.60 ล้านบาทภายใต้ 2 สัมปทานก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำประปาและจำหน่ายน้ำประปาไม่เป็นไปตามแผนงานจากข้อพิพาทระหว่างกับผู้สนับสนุนการเงินของโครงการกระทั่งมีการฟ้องร้องต่อกันและเบื้องต้นศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้ HYDRO ชำระคืนเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย
ปัจจุบันการตัดสินอยู่ขั้นตอนยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาต่อศาลอุทธรณ์ จึงทำให้มีความไม่แน่นอนว่าเกิดการด้อยค่าหรือไม่ เพียงใด
และการที่บริษัทและบริษัทประสบผลขาดทุนจากการดำเนินงานติดต่อกันระยะเวลาหลายปี มีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์ อีกทั้งมีคดีฟ้องร้องที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ต่างๆ ที่อาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงาน
สำหรับแนวทางการจัดการนั้น ผู้บริหารของกลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินมาตรการต่างๆ หลายประการ ทั้งพิจารณาเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไร การจัดหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม พิจารณาแนวทางลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย รวมถึงการปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่
ด้าน นายกิตติพล ฐานะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SBNEXT รายงานผลขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ไตรมาส 1/2567 ติดลบ 93.15 ล้านบาท ลดลงจากช่วงไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไร 14.35 ล้านบาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 749.12%
รายได้รวมของกลุ่มบริษัทไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 363.65 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนเท่ากับ 66.67 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 88.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 69.55 ล้านบาท ผลมาจากการปรับสมมติฐานการพิจารณาการตั้งสำรองและการตัดลูกหนี้ จึงทำให้บริษัทมีขาดทุนสุทธินอกจากนี้ บริษัทมีผลขาดทุนจากเงินลงทุนที่มีการวัดมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นจำนวน 40.45 ล้านบาท อันเป็นรายการขาดทุนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงทั้งจำนวน
ส่วนคำชี้แจงกรณีผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ข้อสรุปต่องบการเงินรวมไตรมาสที่ 1/2567 นั้น สาเหตุมิได้เกิดจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร แต่เกิดจากความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่อเนื่อง
โดยในไตรมาสที่ 1/2567 ยังคงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 46.75 ล้านบาท เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 15 พ.ค.2567 ได้มีมติมอบหมายให้ตัวแทนกรรมการไปเจรจาหารือกับกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ไม่อนุมัติรับรองงบการเงินให้พิจารณารับรองงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2566 และคณะกรรมการบริษัทยังได้มอบหมายให้ตัวแทนกรรมการเข้าเจรจากับผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์