2024 ปีมังกรทอง?

2024 ปีมังกรทอง?

เปิดศักราชใหม่จะเริ่มดูมีความหวังขึ้นมาบ้าง หลังจาก SET Index ปรับตัวขึ้นเกินกว่า 1,400 จุด ดูเหมือนว่าความหวังว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นก็น้อยลงไปเมื่อต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

เดือนแรกของปีมังกรทองกำลังจะผ่านไป แต่เหมือนหุ้นไทยจะยังไม่สดใสเหมือนกับที่เราคาดหวังไว้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าเปิดศักราชใหม่จะเริ่มดูมีความหวังขึ้นมาบ้าง หลังจาก SET Index ปรับตัวขึ้นเกินกว่า 1,400 จุด อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความหวังว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นก็น้อยลงไปเมื่อต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่ต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นจำนวนมากกว่า 2 แสนล้านบาท มาจนถึง ณ วันนี้ ก็ยังคงมีแรงขายอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าต่างชาติจะกลับเข้ามา เพราะเมื่อพิจารณาถึงปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยนั้นดูเหมือนจะค่อนข้างบางเบา อย่างไรก็ตาม ณ ระดับราคา SET index ที่ต่ำกว่า 1,400 นั้นนับว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างถูกในปัจจุบัน แม้ปัจจัยสนับสนุนจะยังคงมีไม่มาก แต่ตลาดหุ้นน่าจะมีความเสี่ยงด้านลบที่ค่อนข้างจำกัด

ปัจจัยที่พอจะสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้ในวันนี้คงเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจโดยภาพรวม ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่สำหรับดิจิทัลวอลเล็ต ที่ดูเหมือนจะไม่สามารถผ่านเรื่องงบประมาณไปได้ง่าย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีดิจิทัลวอลเล็ตมาสนับสนุน ลำพังเพียงเศรษฐกิจไทยเอง ในปีนี้น่าจะสามารถเติบโตได้ระดับประมาณ 3-4% จากประมาณการของแบงก์ชาติ โดยปัจจัยที่มาสนับสนุนคือ การบริโภคภายในประเทศ การใช้จ่ายของภาครัฐ การส่งออกที่น่าจะฟื้นตัวได้จากสินค้าคงคลังในตลาดโลกลดลงในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีการเติบโต และภาคการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มต่อเนื่องจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ หลาย ๆ ธนาคารกลางทั่วโลกยังมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เมื่ออัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มกลับสู่ภาวะปกติ โดย Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ยได้อย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวลง และตลาดหุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามุมมองตลาดหุ้นปีนี้จะดีขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว แต่ยังคงมีปัจจัยลบจากภายนอกที่คอยกดดันตลาดหุ้นอยู่ในช่วงนี้ โดยล่าสุดหลาย ๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาออกมาค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ ทำให้มุมมองการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed อาจลดลงได้ช้ากว่าที่คาด กดดันให้ Fund Flow ยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และในด้านของจีนเองก็เช่นกัน ที่แม้ว่า GDP ในไตรมาส 4 ปี 2023 จะออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่ทางการจีนก็ยังไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ย และยังไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน ขณะที่ในส่วนของประเทศไทยเองปัจจัยกดดันช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการประกาศผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายที่นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ประเทศไทยจะยังคงขาดปัจจัยสนับสนุนในระยะสั้น คงมีเพียงแต่มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐที่ออกมา ที่น่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศได้บ้าง

กล่าวโดยสรุป สำหรับมุมมองหุ้นไทยในปีมังกรทองนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นในช่วงนี้อาจมีแรงกดดันอยู่บ้าง แต่ผู้เขียนเชื่อว่า หาก Fed มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ออกมาทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้น อาจทำให้ Fund Flow ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย และสนับสนุนให้ SET Index มีผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ในปีนี้