TOA โชว์กำไรไตรมาส3 พุ่ง86% ทุ่ม1.5พันล้าน ซื้อหุ้นคืน เริ่ม 20 พ.ย.-17 พ.ค.67

TOA โชว์กำไรไตรมาส3 พุ่ง86%  ทุ่ม1.5พันล้าน ซื้อหุ้นคืน เริ่ม 20 พ.ย.-17 พ.ค.67

TOA ไตรมาส3/66 กำไร 651 ล้าน โต 86% ส่วนไตรมาส4/66 แนวโน้มเติบโต ด้านบอร์ดไฟเขียวทุ่ม 1.5 พันล้าน"ซื้อหุ้นคืน" เริ่ม 20 พ.ย.66-17 พ.ค.67

บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส3/2567  มีรายได้รวม 5,454 ล้านบาท เติบโต 7% และกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงถึง 651 ล้านบาท เติบโต 86% ส่งผลให้ 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้รวม 16,666 ล้านบาท เติบโต 9% 

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในไตรมาส 3 ปี 2566 มีรายได้รวม 5,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7%

ทั้งนี้ด้วยกลยุทธ์การทำธุรกิจอย่างครบวงจร ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ยิปซั่มบอร์ด และมีเครือข่ายจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภค ทั่วประเทศ รวมทั้งแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 16,666 ล้านบาท เติบโต 9%

โดยทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 มากถึง 651 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นกว่า 86% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รวมถึงกำไรสุทธิใน 9 เดือนแรก รวมกว่า 2,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% ทั้งนี้จากอัตรากำไรขั้นต้นในภาพรวมที่มีการฟื้นตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการด้านวัตถุดิบและต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับวัตถุดิบบางส่วนปรับราคาลง

พร้อมเผยถึงมุมมองเชิงบวกสำหรับการเติบโตของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสที่ 4 โดยแนวโน้มยังคงเป็นบวก สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีดีมานด์ความต้องการใช้สีและวัสดุก่อสร้างไปจนถึงต้นปีหน้า เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมก่อสร้างและการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการภาครัฐ เพื่อสร้างรายได้ให้มีเม็ดเงินหมุนเวียน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้คล่องตัวขึ้น

 บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยหลัก ESG ครบทุกมิติ จนทำให้ได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) ระดับ A ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประจำปี 2566 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน นักวิเคราะห์การลงทุน และผู้จัดการกองทุน

ด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งการมีธรรมาภิบาลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม ควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยภารกิจการเป็นองค์กรอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวมาตรฐานใหม่ “TOA GREEN CERTIFIED” สัญลักษณ์สินค้าคุณภาพ การันตีด้วยเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยที่ดีต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัท มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัท เพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1,500 ล้านบาท  และจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 2.96% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยเป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สำหรับกำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 2566 ถึงวันที่ 17 พ.ค. 2567  อย่างไรก็ดี บริษัทจะไม่ดำเนินการซื้อหุ้นคืนในช่วง 5 วันก่อน และภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงภายหลังการเปิดเผยข้อมูลที่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ หรือต่อการตัดสินใจในการลงทุนหรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาของหลักทรัพย์ของบริษัท

โดยบริษัทต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลตามข้อกำหนด
ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศของบริษัทจดทะเบียน อาทิ การประกาศผลประกอบการ การเผยแพร่งบการเงิน และ/หรือการประกาศการเข้าทำรายการที่มีนัยสำคัญ ข้อมูลกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทข้อมูลจากงบการเงินงบเฉพาะกิจการสอบทาน/ตรวจสอบงวดล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566

- กำไรสะสมของบริษัท เท่ากับ 6,474 ล้านบาท
- หนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่จะเริ่มซื้อหุ้นคืน เท่ากับ 3,227 ล้านบาท
- อธิบายความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะเริ่มซื้อหุ้นคืน โดยระบุแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการการชำระหนี้คืน ณ วันที่ 30 ก.ย 2566 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วย
มูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน เท่ากับ 5,656 ล้านบาท จึงมีสภาพคล่องเพียงพอในการชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในอีก 6 เดือนนับแต่วันซื้อหุ้นคืน จำนวน 3,227 ล้านบาท และยังมีเงินสดเพียงพอต่อการซื้อหุ้นคืนตามโครงการจำนวน 1,500 ล้านบาท

ขณะที่จำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free float) ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นหรือวันที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ย 2566 เท่ากับร้อยละ 25.02 ของทุนชำระแล้วของบริษัท
สำหรับเหตุผลในการซื้อหุ้นคืน

3.1 เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3.2 เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)
 3.3 เพื่อแสดงว่าบริษัทมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการสร้างรายได้ในอนาคต
 3.4 เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทในศักยภาพการสร้างรายได้ และกำไรในอนาคต ของบริษัทรวมถึงแสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทโดยผลกระทบภายหลังซื้อหุ้นคืน
4.1 ต่อผู้ถือหุ้น
• ปริมาณหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลง ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น
• ผู้ถือหุ้นจะได้รับอัตราผลตอบแทนโดยคำนวณจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เพิ่มสูงขึ้น
4.2 ต่อบริษัทบริษัทเชื่อมั่นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการบริหารสภาพคล่องของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของบริษัทและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น เมื่อสิ้นสุดโครงการ บริษัทจะมีสินทรัพย์ สภาพคล่องและมูลค่าทางบัญชีของส่วนผู้ถือหุ้นลดลงเป็นจ านวนเท่ากับวงเงินดังกล่าว

                   

 

 

 

 

 

 

 

1. HEALTH AND WELLNESS : ผ่านมาตรฐาน Indoor Environmental Quality, LEED 4.1 และ WELL สารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ต่ำ 2. GREEN PRODUCTION : ผ่านมาตรฐานการผลิต Green Industry Level 4 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) มีฉลากคาร์บอน ใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต ลดของเสียจากกระบวนการผลิต 3. GREEN MATERIAL AND PACKAGING : ลดการใช้วัตถุดิบที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเวียนบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ และการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ  4. ENERGY AND COST SAVING : ช่วยประหยัดพลังงาน ลดความร้อนในอาคาร (ฉลากประหยัดพลังงาน เบอร์ 5) เพิ่มอายุการใช้งาน ลดทรัพยากรและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอาคาร ลดขั้นตอน ประหยัดเวลาการทาสี และ 5. GREEN INNOVATION AND SOLUTION : นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น ที่พ่วงด้วยมาตรฐานระดับโกล์ดคลาส (TOA Green Certified Gold Class)          สำหรับสินค้าที่มีนวัตกรรมสีเขียวขั้นสูง ด้วย 2 สุดยอดนวัตกรรมสีรักษ์โลก กับรางวัลชนะเลิศ 2 ปีซ้อน “Best Innovation Award 2022 - 2023” จากเวทีงานสถาปนิก ทั้ง ‘TOA Organic Care’ สีทาภายในที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี Bio-Based ใช้วัตถุดิบหลักจากพืชหมุนเวียน  รายแรกและรายเดียวในไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USDA สหรัฐอเมริกา และ ‘TOA AQUA SHIELD’  สีเคลือบทับหน้ารวมรองพื้น
สูตรน้ำ กลิ่นอ่อน ปลอดภัย ทาได้หลากหลายพื้นผิว และนี่จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก.. แต่เป็นทางรอดของพวกเรา เพียงมองหาสินค้าที่ลดการใช้วัตถุดิบที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มองหาสัญลักษณ์มาตรฐานใหม่ ‘TOA GREEN CERTIFIED’  

 

                    “TOA เดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพื่อก้าวสู่ปีที่ 60 กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมสีที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่ NET ZERO”