ตลาดหุ้นไทย เปิดเฮียริ่ง ขยายเวลาเทรด ภาคบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที เริ่ม 14.00 น.

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเฮียริ่ง หรือรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการขยายเวลาซื้อขายหลักทรัพย์ใน SET และ mai โดยเปิดทำการซื้อขายช่วงบ่ายให้เร็วขึ้น 30 นาที ถึง 24 พ.ย.66

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจำนวนชั่วโมงของเวลาเปิดทำการซื้อขาย (Open Session) สำหรับ SET และ mai อยู่ที่ประมาณ 4.5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศพบว่าจำนวนชั่วโมงการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น อยู่ในระดับที่น้อยกว่าของตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศที่มีชั่วโมงการซื้อขายเฉลี่ยที่ 5 - 7 ชั่วโมงต่อวัน

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศหลายแห่ง เช่น Hong Kong Exchange, Singapore Exchange และ Korea Stock Exchange ยังมีการพิจารณาขยายเวลาทำการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผู้ลงทุนให้มีเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันกับข่าวสารที่เกิดขึ้นในตลาดโลกซึ่งนับวันจะมีความเป็นพลวัตมากขึ้น รวมทั้งให้มีความสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้มีการศึกษา และทบทวนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับช่วงเวลาการซื้อขาย โดยเทียบเคียงข้อมูลกับต่างประเทศ และข้อมูลการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์เอง รวมถึงระยะเวลา ผลกระทบในการดำเนินการทั้งในด้านระบบงาน และกระบวนการปฏิบัติงานต่อผู้เกี่ยวข้อง และเห็นเสนอว่าควรขยายเวลาทำการซื้อขายหลักทรัพย์ใน SET และ mai โดยลดช่วงเวลาหยุดพักการซื้อขายระหว่างวัน (Intermission) และเปิดช่วงเวลาทำการช่วงที่ 2 ให้เร็วขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาทำการซื้อขายในตลาดหุ้นสำคัญให้มากขึ้น อันจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์ฯ

นอกจากนี้ เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์เป็นตลาดสินค้าอ้างอิงของสินค้า Equity Related Derivatives ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX ได้แก่ SET50 Futures, SET50 Options,Single Stock Futures และ Sector Futures TFEX จึงจะทำการปรับเวลาทำการซื้อขายของอนุพันธ์เหล่านี้ให้สอดคล้องกับการขยายเวลาทำการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนที่มีสถานะในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับตราสารทุน สามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้เหมาะสมดังเดิม

ปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ใน SET และ mai โดยแบ่งเวลาทำการซื้อขายเป็น 2 ช่วง ดังนี้

ตลาดหุ้นไทย เปิดเฮียริ่ง ขยายเวลาเทรด ภาคบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที เริ่ม 14.00 น. เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์ฯ สอดคล้องกับช่วงเวลาทำการซื้อขายในตลาดสากล ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์และผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นควรขยายเวลาทำการซื้อขาย โดยลดช่วง Intermission และเปิดช่วงเวลาทำการช่วงที่ 2 ให้เร็วขึ้น 30 นาทีเพื่อให้เวลาทำการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคมากขึ้น รวมถึงให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในตลาดได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยขอสรุปการปรับปรุงช่วงเวลาทำการซื้อขายดังนี้

ตลาดหุ้นไทย เปิดเฮียริ่ง ขยายเวลาเทรด ภาคบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที เริ่ม 14.00 น. สำหรับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์สามารถทำได้ระหว่างเวลา 12.30 – 13.00 น. และผู้ลงทุน
ยังคงมีเวลาในการศึกษาข้อมูลสำคัญเช่นเดียวกับในปัจจุบัน คือ 1 ชั่วโมงก่อนเปิดทำการซื้อขาย (13.00 – 14.00 น.) โดยข้อเสนอปรับปรุงเวลาทำการซื้อขายข้างต้น ไม่รวมถึงการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศ(cross-border products) และตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์ เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx)

นอกจากนี้ ด้วย SET เป็นตลาดสินค้าอ้างอิงของสินค้าในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้แก่ SET50 Futures, SET50 Options, Single Stock Futures และ Sector Futures TFEX จึงจะทำการปรับเวลาทำการซื้อขายในช่วงบ่ายของสินค้าเหล่านี้ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงเวลาซื้อขายของ SET และ mai กล่าวคือ เปิดซื้อขายเร็วขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนที่มีสถานะในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับตราสารทุน สามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้เหมาะสมดังเดิม โดยในเบื้องต้น TFEX คาดว่าจะปรับช่วงเวลาการซื้อขายในช่วงบ่าย (Afternoon Session) ของ TFEX Equity Derivatives Product ดังนี้
ตลาดหุ้นไทย เปิดเฮียริ่ง ขยายเวลาเทรด ภาคบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที เริ่ม 14.00 น.
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าหลักเกณฑ์และเวลาทำการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงมีความเหมาะสม และสามารถแข่งขันกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ทบทวน และพิจารณาความเหมาะสมของเวลาทำการซื้อขายอีกครั้ง ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยสามารถให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ทางช่องทาง https://forms.gle/DRNK8rFpqAwofQC97