TOP ไตรมาส 3/66 กำไรสุทธิ ‘หมื่นล้าน’ รับบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมัน

TOP ไตรมาส 3/66 กำไรสุทธิ ‘หมื่นล้าน’ รับบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมัน

TOP เผยไตรมาส 3 ปี 66 กำไรสุทธิ 1.08 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 90,133% หลังมีบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมัน 9.6 พันล้าน ส่วนงวด 9 เดือนแรก มีกำไร 1.64 หมื่นล้าน ลดลง 49.26%

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 10,827.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90,133% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.70 ล้านบาท ส่งผลงวด 9 เดือน ปี 66 มีกำไรสุทธิ 16,498.82 ล้านบาท ลดลง 49.26% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32,521.31 ล้านบาท

โดยกลุ่มไทยออยล์ มีรายได้จากการขาย 19,656 ล้านบาท ลดลง 4,518 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน เพิ่มขึ้น 4.8 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล มาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น เนื่องจากไตรมาส 3/2565 มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของหน่วยเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์บางหน่วย

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 9,638 ล้านบาท เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 9,238 ล้านบาท ขณะที่มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 1,773 ล้านบาท เทียบกับกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 236 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และเมื่อรวมผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ (รวมเฉพาะรายการที่เกิดจากการป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์) ส่งผลให้มี EBITDA 18,973 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุน EBIDA 568 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

นอกจากนี้ บริษัทมีผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน จำนวน 2,028 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน 5,090 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,193 ล้านบาท เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10,816 ล้านบาท

ส่วนงวด 9 เดือนปี 66 มีรายได้จากการขาย 344,066 ล้านบาท ลดลง 38,505 ล้านบาท จากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดิบดูไบปรับลดลง เนื่องจากการส่งออกของจีนที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่ภาพรวมกำไรขั้นต้นจากกาผลิตของกลุ่ม ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 3.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 10.5 เหรียญสหรัฐฯ

บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 4,370 ล้านบาท ลดลง 8,421 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 1,966 ล้านบาท ลดลง 148 ล้านบาท เมื่อรวมขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 1,713 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 14,497 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้มี EBITDA 31,772 ล้านบาท ลดลง 3,017 ล้านบาท

กลุ่มไทยออยล์มีผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน จำนวน 2,057 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 962 ล้านบาทจากเงินบาทที่อ่อนค่า ขณะที่ ช่วง 9 เดือนปี 65 มีกำไรจากการจัดประเภทเงินลงทุนและจำหน่ายเงินลงทุน ในบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC จำนวน 17,334 ล้านบาท (ก่อนภาษี) เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 16,499 ล้านบาท ลดลง 16,022 ล้านบาท