ดาวโจนส์พลิกร่วงแดนลบ หลังสหรัฐเผยรายงานการประชุมเฟด

ดาวโจนส์พลิกร่วงแดนลบ หลังสหรัฐเผยรายงานการประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(16ส.ค.)พลิกร่วงลงสู่แดนลบกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนขายลดความเสี่ยง หลังสหรัฐเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่าผู้กำหนดนโยบายยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับเงินเฟ้อเป็นลำดับต้นๆ

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 180.65 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 34,765.74 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 33.53 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 4,404.33 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 156.42 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 13,474.63 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 180.65 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 34,765.74 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 33.53 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 4,404.33 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 156.42 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 13,474.63 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในการซื้อขายช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนส่งแรงซื้อเก็งกำไรเข้าตลาด หลังราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักวานนี้

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งกว่า 300 จุด หลุดระดับ 35,000 จุดในการซื้อขายวานนี้ ท่ามกลางปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาด ได้แก่ การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ขู่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ FOMC มีมติเป็นเอกฉันท์ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี

การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 11 นับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%

นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดได้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนก.ย. และในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงข่าวหลังการประชุมเมื่อวันที่ 26 ก.ค. โดยกล่าวแต่เพียงว่า เฟดไม่มีการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินไว้ล่วงหน้า โดยจะทำการตัดสินใจในการประชุมเป็นรายครั้ง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนั้น

"มีความเป็นไปได้ที่เราอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หากข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเวลาดังกล่าวสนับสนุนให้เราดำเนินการเช่นนั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกันที่เราอาจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หากการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืนด้านนโยบายของเรา" นายพาวเวลกล่าว