หุ้น J เผยผลงานไตรมาส 2/66 ขาดทุนยับ 17.1 ล้านบาท

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2566 สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 17.1 ล้านบาท  ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2565  และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 6 เดือน กำไรสุทธิ 5.4 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 90.8 โดยสาเหตุที่บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากผลขาดทุนสุทธิจากการตีราคาเป็นมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
จำนวน 36.6 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากสิทธิในการใช้สินทรัพย์ (ROU) ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อกำรลงทุนลดลงตามอายุสัญญาเช่า

โดยกำไรขั้นต้น ไตรมาส 2 ปี 2566 เท่ากับ 84.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ ร้อยละ 63.7 ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยหากพิจารณากำไรขั้นต้นสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2566 เท่ากับ 167.5 ล้านบาท คิดเป็นกำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 62 ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขำยทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และต้นทุนค่าสาธารณูปโภค 
 

ส่วนต้นทุนขายและบริการบริษัทฯ มีต้นทุนค่าเช่า สำหรับไตรมาส 2 ปี 2566 เท่ากับ 10.2 ล้านบาท ลดลงจำกไตรมาส 2 ปี 2565 ร้อยละ 9.7 ในขณะที่ต้นทุนค่าเช่าสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2566 เท่ากับ 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 1.5 เป็นผลจากต้นทุนค่าสาธารณูปโภค บริษัท ฯ มีต้นทุนขายสำหรับ ไตรมาส 2 ปี 2566 เท่ากับ 38.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2565 ร้อยละ 18.3 ในขณะที่ต้นทุนขาย สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2566 เท่ากับ 82.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 19.4 เป็นผลจากต้นทุนขายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ของบริษัทฯ 

ขณะที่หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีหนี้สินรวมเท่ากับ 2,430.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 เท่ากับ 487.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.1 โดยหนี้สินที่เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากกำไรที่บริษัทฯ ออกหุ้นกู้จำนวน 326.6 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน เท่ากับ 2,727.1 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.89 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.35 เท่า ซึ่งเพิ่มขึ้นจำกช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา