TPL เนื้อหอม เทรดวันแรกปิดช่วงเช้าราคาเหนือจอง IPO พุ่ง 109%

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหุ้นไอพีโอ บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ "TPL" ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าหรือสิ่งของในประเทศไทยทั้งสำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมถึงให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (30 มิ.ย.) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ 

โดยเปิดที่ราคา 5.90 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 2.60 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 78.79% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ที่ราคา 3.30 บาท

สำหรับปิดตลาดช่วงเช้าราคาหุ้น TPL ดีดตัวต่อเนื่องปิดตลาดที่ราคา 6.90 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 3.60 บาท หรือ 109.09% มูลค่าการซื้อขายราว 1,709.74 ล้านบาท โดยมีราคาสูงสุดที่ระดับ 7.15 บาท และราคาต่ำสุดที่ 5.60 บาท 

นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL ระบุว่า นักลงทุนระยะยาว หรือ VI ได้เข้ามาลงทุนใน TPL ตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปี ก่อนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการดำเนินงาน และโอกาสการเติบโตของ TPL ทำให้ตัดสินใจเข้ามาลงทุน รวมทั้งเมื่อบริษัทเติบโตจนสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ทำให้ศักยภาพของ TPL เพิ่มขึ้นจากศักยภาพก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งมีโอกาสเติบโตชัดเจน จึงเชื่อมั่นว่านักลงทุน VI จะอยู่กับทาง TPL ต่อไป

สำหรับผู้ถือหุ้น TPL 10 อันดับแรก ประกอบด้วย นางวัสสา จีนะวิจารณะ ถือหุ้น 35.88% บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 26.73 นายสุระ คณิตทวีกุล ถือหุ้น 3.82% นางสาว สุธิดา มงคลสุธี ถือหุ้น 3.34% นายบัญชา พันธุมโกมล ถือหุ้น 2.77%

นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ถือหุ้น 1.91% นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ถือหุ้น 1.62% นายวรพจน์ อำนวยพล ถือหุ้น 1.62%
นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี ถือหุ้น 1.53% นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ถือหุ้น 1.2%

 ทั้งนี้ TPL ได้เสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 120,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 22.90% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้ และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภท ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

วัตถุประสงค์ที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ ซื้อที่ดินและก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าและ/หรือจุดให้บริการ ซื้อยานพาหนะ สถานีชาร์จไฟและอุปกรณ์ต่างๆ ลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ชำระหนี้คืนแก่สถาบันการเงิน

ผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ อยู่ที่ 703.22 ล้านบาท 525.12 ล้านบาท และ 480.75 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 127.66 ล้านบาท 21.32 ล้านบาท และ 21.11 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนในไตรมาส 1/2566 มีรายได้จากการให้บริการ อยู่ที่ 128.37 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 9.12 ล้านบาท