หุ้นไทยวันนี้ (6 มิ.ย.) ปิดตลาดเย็น ลบ 2.66 จุด เงินทุนต่างชาติออกต่อเนื่อง

หุ้นไทยวันนี้ (6 มิ.ย.) ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” ปิดตลาดอยู่ที่ 1,528.54 จุด ลบ 2.66 จุด หรือ 0.17% โดยดัชนีฯ ผันผวนในทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น และลดลงสลับกันตลอดทั้งวัน ซึ่งดัชนีฯ ทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,526.93 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,539.49 จุด มูลค่าซื้อขาย 47,214.55 ล้านบาท

 

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1. DELTA  มูลค่า 2,164.71 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 101.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 2.53%
2. PTTEP มูลค่า 1,984.84 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 145.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.75%
3. GULF มูลค่า 1,657.71 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 45.25 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 3.72%
4. BDMS มูลค่า 1,481.88 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.88%
5. KBANK มูลค่า 1,268.04 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.38%

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส กล่าวว่า วันนี้ดัชนี ปรับตัวเป็นบวก และลบสลับกันไปอย่างผันผวน เพราะมีทั้งประเด็นบวกที่เข้ามาหนุนตลาด และประเด็นลบที่กดดัน ทำให้ดัชนีฯ ไปไหนไม่ได้

ปัจจัยเชิงบวก

1. เพดานหนี้สาธารณะสหรัฐคลี่คลาย

2. เงินเฟ้อไทยต่ำคาด

3. นักลงทุนบางส่วนมองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่ขยับขึ้นดอกเบี้ย

ประเด็นเชิงลบ

1. ฟันโฟลว์ต่างชาติไหลออกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนวันที่ 14 พ.ค. 2566 จากความไม่แน่นอนทางการเมือง

โดย วันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.) ดัชนีฯ อาจแกว่งตัวกรอบแคบด้วยแนวรับ 1,525 จุด ส่วนแนวต้าน 1,545 จุด โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด

ดังนั้นสำหรับระยะสั้นควรลงทุนในหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ประกอบด้วย

1. BEM เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดใช้งานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

2. MAJOR เพราะรายรับไตรมาส 2 ออกมาสดใส และมีแต่หนังทำเงินจ่อเข้าฉาย

3. PTTEP เพราะได้อานิสงส์จากการที่กลุ่ม OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จนทำให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์