THCOM เผยไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 89.57 ล้าน โต 77% เหตุรายได้บริการดาวเทียมเพิ่ม

THCOM เผยไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 89.57 ล้าน โต 77% เหตุรายได้บริการดาวเทียมเพิ่ม

THCOM เผยไตรมาส 1 ปี 66 กำไรสุทธิ 89.57 ล้านบาท เติบโต 77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้บริการดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้การค้า

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 89.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 50.60 ล้านบาท เนื่องจากรายได้การขายและบริการที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับรายได้ทางการเงินเพิ่มขึ้น จากการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับ จากการรับชำระหนี้จากลูกหนี้การค้า

และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2565 ซึ่งมีผลขาดทุนที่ (439) ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากลดลงของผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ โดยค่าเงินบาทไทยปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์ที่เป็นเงินสกุลเงินดอลลาร์มากกว่าหนี้สิน

โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้บริการดาวเทียมแบบทั่วไป รวมถึงมีการรับรู้รายได้จากค่าบริหารจัดการสถานีภาคพื้นดิน (Gateway) และค่าที่ปรึกษาอื่นๆ

ณ สิ้นไตรมาส 1/66 มีอัตราการใช้บริการดาวเทียม ที่บริษัทให้บริการภายใต้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 โดยอัตราการใช้บริการของลูกค้าทั้งสองดวง เมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการดาวเทียม อยู่ที่ระดับ 55% เพิ่มขึ้นจาก 53% ณ สิ้นปี 65

สำหรับธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์ในต่างประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 1/66 บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ มหาชน (แอลทีซี) และ บริษัท ทีพลัสดิจิทัล จำกัด (ทีพลัส) มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบรวมทั้งสิ้น 2.44 ล้านราย โดยมีระดับจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 2.32 ล้านราย ณ สิ้นปี 65

ทั้งนี้ Globalstar เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระดับโลกด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียมและโซลูชัน IoT (Internet of Things) จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Globalstar และ ไทยคม ร่วมกันพัฒนาและบริหารจัดการสถานีภาคพื้นดินในประเทศไทย เพื่อเป็นโครงข่ายในการให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียมในภูมิภาค จากกลุ่มดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำ หรือ LEO (Low Earth Orbit Satellite) ของ Globalstar

โดยคาดว่าภายในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 บริษัทจะสามารถร่วมมือกับ Globalstar เพื่อเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์สำหรับระบบติดตามผ่านดาวเทียมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยเป็นอุปกรณ์ที่ติดไว้บนเสื้อชูชีพ ซึ่งจะทำการแจ้งเตือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือประสบเหตุอันไม่พึงประสงค์ อุปกรณ์ที่ติดไว้ในเสื้อชูชีพจะระบุพิกัดของนักท่องเที่ยวและส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติอนุมัติการลงทุนโครงการดาวเทียมชุดข่ายงานดาวเทียมวงโคจร 119.5 องศาตะวันออก เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 15,203 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการสรรหาผู้ผลิตดาวเทียมที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการดำเนินการขาย presale capacity บนดาวเทียมดวงใหม่