ดีเดย์ "ระบบซื้อขายชุดใหม่" เพิ่มโอกาสรายใหญ่ - รายย่อย

ดีเดย์ "ระบบซื้อขายชุดใหม่"  เพิ่มโอกาสรายใหญ่ - รายย่อย

เกณฑ์การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีการเกริ่นนำมาตั้งแต่ต้นปีจะมีการ “รื้อใหญ่” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ยกมาตรฐานคุณภาพเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเข้ากับสถานการณ์ และสามารถตรวจจับ และตรวจสอบได้เร็วขึ้นจนมาสู่กับปรับเกณฑ์ครั้งใหญ่

ย้อนไปเดือนพ.ย.2565 มหากาฬหุ้น "มอร์ รีเทิร์น " หรือ MORE  ที่ฝากบทเรียนราคาสุดแพงให้กับแวดวงธุรกิจตลาดทุนอย่างถ้วนหน้า ความเสียหายระดับ   7,000 ล้านบาท   และไม่สามารถเรียกชำระเงินจากความเสียหายดังกล่าวได้ด้วย

ดังนั้นเป็นที่มาการแถลงแผน และยุทธศาสตร์ ตลท. ยอมรับ และกลับไปพิจารณาปรับปรุง ทั้งกระบวนการว่าจะทำอย่างไรให้ในอนาคตตลาดทุนไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ร่วมตลาดมากขึ้น ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

โดยเฉพาะในประเด็น “ปรับเกณฑ์การซื้อขาย”  “การชำระราคา และการส่งมอบหลักทรัพย์”   เพื่อให้สอดคล้องกับการกำกับดูแลในอนาคตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 

ดีเดย์มีผล 8 พ.ค.2566 เป้าหมายหลักในการปรับครั้งนี้เตรียมความพร้อมไปสู่ระบบเทรดใหม่ Nasdaq  เพื่อก้าวไปสู่ Community Exchage  เพิ่มประสิทธิภาพจัดการคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วขึ้น สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต และพร้อมรองรับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลายในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งตลาดทุน และตลาดอนุพันธ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ที่สำคัญยกระดับเครื่องมือ และโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติในการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น !!!

ยกตัวอย่างการแสดง Bid/Offer เป็น 10 ระดับราคาจากเดิม 5 ระดับราคา ช่วยเพิ่มความโปร่งใส นักลงทุนมีการตัดสินใจลงทุนดีขึ้น จากมีข้อมูลเพิ่มขึ้น และเป็นไปตามเทรนด์ของตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป เพราะเมื่อเห็นดีมานด์ ซัพพลาย การวางจุดซื้อหรือขาย และ Stop Loos สร้างกลยุทธ์ได้ทันที

โดยเพิ่มความละเอียด timestamp ของคำสั่งซื้อขาย และเวลาที่เกิดการจับคู่ซื้อขายในระดับ nanosecond เทียบเท่าตลาดต่างประเทศชั้นนำ  การเพิ่มฟังก์ชันอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทสมาชิก เช่น Self-match Prevention ช่วยป้องกันการจับคู่กันเองของคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าราย/กลุ่มเดียวกัน และ Pre-Trade Risk Management เป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการบริหารความเสี่ยงของบริษัทสมาชิก

       รวมไปถึงเกณฑ์การซื้อขายสำคัญของ SET ปรับการคำนวณราคาเปิด - ราคาปิดการคำนวณยังเป็นไปตามหลักการเดิมคือ ระบบคำนวณด้วยวิธีจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว (Auction)   กรณีโดยราคาเปิด - ปิดอาจอยู่นอกกรอบ Ceiling &Floor (C&F) ได้แต่ไม่เกิน 1 ช่วงราคา (Tick)

การปรับ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ -F ให้มี Ceiling & Floor +/- 60% ของราคาอ้างอิงในทุกวิธีการซื้อขาย (เดิม กำหนด C&F +- 30% ของราคาอ้างอิง สำหรับการซื้อขายรายใหญ่หุ้น -Fปรับประเภทคำสั่งซื้อขาย เช่น เพิ่มคำสั่ง Good till Cancel (GTC) และ Good till Date (GTD), ปรับปรุง Iceberg Order เป็นต้น      

ส่วนการเพิ่มเครื่องหมายห้ามการซื้อขาย P (Pause) โดยจะใช้กับหลักทรัพย์ที่ SET กำหนดให้เข้ามาการกำกับการซื้อขายระดับ 3 เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ลงทุน เรียกง่ายว่า "ดับความซ่าของหุ้นเพิ่มอีก"

อย่างไรก็ตามการปรับเกณฑ์ดังกล่าวยังต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อให้นักลงทุนนำไปใช้ และปรับกลยุทธ์ลงทุนจากเกณฑ์ดังกล่าวที่มีผลทั้งขาใหญ่  - รายย่อย ต่างก็ได้ประโยชน์

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์