‘หุ้นไทย’ ร่วง 5 จุด เอิร์นนิ่งไตรมาส 4 ต่ำคาด

“ตลาดหุ้นไทย” ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 1,622.35 จุด ลดลง 5 จุด หรือ 0.31% “บล.เอเซีย พลัส” ชี้เอิร์นนิ่งไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งเงินบาทที่อ่อนค่าร่วมกันกดดัชนีลง ประกอบกับขาดปัจจัยบวกใหม่ ประเมินแนวรับพรุ่งนี้อยู่ที่ 1,610 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,630 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” วันนี้ผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าก่อนที่จะปิดตลาดในแดนลบช่วงบ่าย ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,618.09 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,622.35 จุด ลดลง 5 จุด หรือ 0.31% มูลค่าซื้อขาย 80,307.94 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1. BANPU มูลค่า 2,961.36 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 10.90 บาท ลดลง 0.30 หรือ 2.68%

2. PTTEP มูลค่า 2,061.62 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 150 บาท ลดลง 2.00 หรือ 1.32%

3. PTT มูลค่า 1,911.50 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 31.75 บาท ลดลง 0.25 หรือ 0.78%

4. KBANK มูลค่า 1,550.51 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 137 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 หรือ 0.74%

5. BDMS มูลค่า 1,474.59 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 28 บาท ลดลง 0.50 หรือ 1.75%

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเนื่องจากไม่มีปัจจัยเชิงบวกเข้ามากระตุ้นดัชนี เลยตลอดทั้งวัน

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเอิร์นนิ่งเป็นประเด็นสำคัญที่กดดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ ตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ค่อนข้างเยอะ ราว 30%-40% ผมมองว่าประเด็นนี้ ประเด็นเดียวก็ใหญ่มากแล้ว ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าก็เสริมทัพให้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลออกเช่นเดียวกัน”

ส่วนในช่วงเช้าที่มีการรีบาวด์กลับมา เป็นเพราะเมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาค่อนข้างเยอะ จึงไม่แปลกที่จะรีบาวด์ในช่วงต้น แต่ท้ายที่สุดก็ยืนไม่อยู่ โดยปัจจุบันยังไม่ค่อยมีปัจจัยบวกที่อาจเข้ามากระตุ้นตลาดเพิ่มเติม”

ทั้งนี้ นายเทิดศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในอนาคตมีประเด็นเรื่องการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ “โอเคงบฯ ไตรมาส 4 ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ดังนั้นตัวเลขปี 2566 มองเท่าไร ซึ่งตัวเลขที่มองออกมาสุดท้าย จะเห็นว่าจุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน และพอเห็นจุดต่ำสุด โอกาสกลับตัวก็อาจจะเกิดขึ้นได้”

ด้านดัชนีตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) อาจอยู่ในลักษณะผันผวน และปรับตัวขึ้นได้ยาก ประเมินแนวรับอยู่ที่ 1,610 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,630 จุด ท่ามกลางปัจจัยชุดเดิม โดยสำหรับการลงทุนวันพรุ่งนี้แนะนำใช้กลยุทธ์เลือกซื้อหน้าหุ้นรายตัว (Selective Buy) หน้าหุ้นที่เห็นเทรนด์ว่ายังทำกำไร รวมทั้งหน้าหุ้นปันผลสูงเป็นต้น

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์