ก.ล.ต. เฮียริ่ง ลดขนาดรายการที่ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นเป็น25 %จาก 50%

ก.ล.ต. เฮียริ่ง ลดขนาดรายการที่ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นเป็น25 %จาก 50%

ก.ล.ต.เปิดเฮียริ่งปรับเกณฑ์การทำรายการที่มีนัยสำคัญ -รายการที่เกี่ยวโยงกัน (RT) -ของบจ. โดยปรับลดรายการที่มีนัยสำคัญที่ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นเหลือเป็น 25% จาก 50%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง)ต่อการปรับปรุงหลักเกณฑ์การทำรายการที่มีนัยสำคัญ (Material Transaction) และรายการที่เกี่ยวโยงกัน (Related Party Transaction) ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Regulatory Guillotine* เพื่อทบทวนกฎเกณฑ์ให้มีเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน และอำนวยความสะดวกต่อบริษัทจดทะเบียน โดยยังคงหลักการคุ้มครองผู้ลงทุนที่ดี

ด้วยหลักเกณฑ์การทำรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนมีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ประกอบกับที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนมีรูปแบบการทำรายการที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเทียบเคียงหลักการสากล ในขณะที่ยังคงหลักการคุ้มครองผู้ลงทุนที่เพียงพอ

 

โดยมีหลักการที่สำคัญ ดังนี้ 

(1) ลดขนาดรายการที่มีนัยสำคัญที่ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นเป็นร้อยละ 25 จากปัจจุบันร้อยละ 50 และกำหนดสิทธิให้ผู้ถือหุ้นออกเสียงคัดค้านการทำรายการ กรณีคณะกรรมการตรวจสอบ หรือที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการทำรายการ 

(2) ปรับปรุงสูตรการคำนวณขนาดรายการที่มีนัยสำคัญและรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยใช้เกณฑ์สินทรัพย์สุทธิแทนเกณฑ์สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ

(3) ปรับปรุงวิธีการนับรวมรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ โดยพิจารณาเฉพาะรายการที่เกี่ยวข้องกัน หรือโครงการเดียวกัน

(4) เพิ่มประเภทรายการที่มีนัยสำคัญ ให้ครอบคลุมข้อกำหนดแห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) มาตรา 89/29 (3) (6)

(5) กำหนดให้การพิจารณาเงื่อนไขการค้าทั่วไปในทุกประเภทรายการที่เกี่ยวโยงกัน เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ มาตรา 89/12 (1)  

(6) ยกเลิกอำนาจ ก.ล.ต. ในการใช้ดุลยพินิจพิจารณาความเป็นธรรม และความสมเหตุสมผลของรายการที่เกี่ยวโยงกัน  เนื่องจากการใช้ดุลยพินิจดังกล่าวอยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท      จดทะเบียน (fiduciary duty)”

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นซึ่งมีรายละเอียดการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวบนเว็บไซต์ ก.ล.ต.(www.sec.or.th/ Documents/ PHS/Main/879/ hearing112566.pdf)

ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถศึกษาและแสดงความคิดเห็นได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. หรือทาง e-mail : [email protected] จนถึงวันที่ 23 มี.ค. 2566