EA จ่อรับรู้รายได้รถบัสไฟฟ้า'หมื่นล้าน' -เริ่มขายคาร์บอนเครดิตปลายปีนี้

EA จ่อรับรู้รายได้รถบัสไฟฟ้า'หมื่นล้าน' -เริ่มขายคาร์บอนเครดิตปลายปีนี้

EA คาดเริ่มขายคาร์บอนเครดิตปลายปีนี้หลังครม.ไฟเขียว พร้อมเดินหน้าส่งรถบัสอีวี 2 พันคัน รับรู้รายได้ราว“หมื่นล้าน” ดันรายได้ธุรกิจอีวีใกล้เคียงโรงไฟฟ้า   ส่วนกรณีเรืออีวีไฟไหม้ ยันไม่ได้เกิดจากแบตเตอรี่

ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 ม.ค. เห็นชอบ หนังสือการอนุญาต (Letter of Authorization: LoA) ให้ดำเนินโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะของภาคเอกชนเป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่ กทม.

โดยและมอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนามในหนังสืออนุญาตให้แก่บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการดำเนินโครงการตั้งแต่ พ.ศ. 2564 - 2573 (ค.ศ. 2021-2030) ให้แก่มูลนิธิ KLiK (The Foundation for Climate Protection and Carbon Offset) ของสมาพันธรัฐสวิส


 

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะมีการขายคาร์บอนเครดิตช่วงปลายปีนี้ ให้กับห้มูลนิธิ KLiK (The  Foundation for Climate Protection  and Carbon Offset) ของสมาพันธรัฐสวิส หลังที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติไปแล้ว

ส่วนปีนี้จะขายคาร์บอนเครดิตได้เท่าไรนั้น ต้องรอดูว่ารถโดยสารไฟฟ้าของทาง ไทยสมายล์บัส ปีนี้จะให้บริการปีนี้มีจำนวนทั้งหมดกี่คัน หลังจากนั้นก็จะนำมาคำนวณคิดเป็นคาร์บอนเครดิต ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าไทยสมายล์บัส จะมีรถโดยสารไฟฟ้าให้บริการราว 3,000 คัน

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี เพราะ บริษัทจะมีการส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้า จำนวน 2,000 คัน ซึ่งจะมีรายได้เข้ามาราว10,000 ล้านบาท และขณะนี้มียอดการสั่งซื้อรถกระบะไฟฟ้าเข้ามาแล้ว จากผู้ประกอบการที่จะเปลี่ยนรถฟู้ดทรัค (Food Truck) เป็นรถไฟฟ้า ส่วนหัวรากไฟฟ้าอยู่ระหว่างการดำเนินการ

ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าปีนี้ อยู่ระหว่างรอผลการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หลังจากยื่นไปราว 10 โครงการ

 

"สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอีวี คาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าพแล้ว เพราะ ปีนี้มีการส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้า จำนวน 2,000คัน ซึ่งจะรับรู้รายได้ราว 10,000 ล้านบาท"

นายอมร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เรือไฟฟ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นนั้น ไม่ได้มีการระเบิด และไม่ได้มีการชาร์จไฟ  รวมถึงไม่ได้เกิดปัญหาจากแบตเตอรี่ เพราะเรือที่เกิดไฟไหม้นั้นเป็นเรือที่อยู่ระหว่างการตรวจเพื่อส่งมอบ และจุดที่เกิดไฟไหม้เป็นด้านบนเรือ ซึ่งเป็นที่โล่ง สำหรับให้ลูกค้านั่งชมวิว ไม่มีอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า ซึ่งแบตเตอรี่นั้นจะอยู่ใต้ท้องเรือ

 สำหรับสาเหตุที่เกิดไฟไหม้ด้านบนนั้นมาจากอะไร อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยเรือที่ถูกไฟฟ้า มีจำนวน 3 ลำ  ซึ่งเป็นเรือของบริษัททั้งหมด ซึ่งลำที่ได้รับเสียหายมากเป็นลำที่เกิดเหตุส่วนอีก 2 ลำนั้น เสียหายไม่มาก

 " เรือไฟฟ้าที่ไฟไหม้นั้น ไม่ได้เกิดจากการระเบิด เพราะไม่ได้มีการชาร์จไฟฟ้า โดยเรือดังกล่าวนั้น เป็นเรือที่อยู่ระหว่างการตรวจและเตรียมส่งมอบ ซึ่งจุดที่ไฟไหม้เป็นด้านบนเรือ เป็นพื้นที่โล่งๆไม่มีอุปกรณ์ด้านไฟฟ้าเลย ดังนั้นเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากแบตเตอรี่"