จับตามองตลาดหุ้นจีนกับโอกาสการลงทุน

จับตามองตลาดหุ้นจีนกับโอกาสการลงทุน

ในเดือนที่แล้ว ผมได้พูดถึงความน่าสนใจในตลาดหุ้นจีน จากการที่รัฐบาลจีนทยอยผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิด ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

รวมถึงตั้งข้อสังเกตถึงการที่การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เริ่มเดินทางออกนอกประเทศหลังจากที่ไม่ได้ออกจากจีนมาตลอดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถควบคุมผลกระทบจากการระบาดของโควิดได้

สำหรับพัฒนาการที่สำคัญที่สุด ได้แก่ การที่รัฐบาลประกาศว่าผู้ที่จะเดินทางเข้าจีนไม่จำเป็นต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศซึ่งจะช่วยให้ทั้งคนจีนและชาวต่างชาติเดินทางเข้าออกประเทศได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดประเทศนี้ที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดมาก โดยก่อนหน้านี้ตลาดคาดว่าจีนจะเริ่มเปิดประเทศในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 และอาจใช้โอกาสในการจัดเอเชียนเกมส์ที่เมืองหางโจว ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.– 8 ต.ค. 2566 ในการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจจะพลิกกลับมาฟื้นตัวในปีนี้ และตั้งเป้าการเติบโตของจีดีพีปีนี้ที่ 5.5% หลังจากคาดว่าจีดีพีอาจโตอย่างน้อย 4.4% ในปี 2565 ที่ผ่านมา โดยสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กล่าวในวันปีใหม่ระบุว่า เศรษฐกิจจีนยังคงมีความแข็งแกร่ง มีศักยภาพที่ดี ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจได้

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ และนโยบายการเงินการคลังของจีนยังคงมีขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายได้อีกมาก จึงสามารถใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมและใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การเพิ่มสภาพคล่องในตลาดโดยการปรับลดอัตราการกันสำรองขั้นต่ำของภาคธนาคาร การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ฯลฯ

ดังนั้น ตลาดหุ้นจีนจึงมีปัจจัยผลักดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงผลักดันเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งผลประกอบการของบริษัทต่างๆจะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นจีนจะมีความน่าสนใจมากขึ้นจากการที่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมีน้อยลง ท่ามกลางโอกาสที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ถึงแม้เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณเชิงบวกจากการเปิดประเทศ แต่นักวิเคราะห์หลายรายยังคงไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ปัญหาในช่องแคบไต้หวัน ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ

ทั้งนี้ ถึงแม้นักวิเคราะห์หลายรายยังคงไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว แต่มีแนวโน้มว่าตลาดจะยังคงตอบรับต่อข่าวการเปิดประเทศของจีน เนื่องจากเป็นสิ่งที่จับต้องได้ชัดเจนว่าอย่างน้อยทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าตอนที่จีนปิดประเทศ ในขณะที่ข้อสังเกตของบรรดานักวิเคราะห์ยังคงเป็นเพียงเรื่องของการคาดการณ์ ซึ่งในความเป็นจริงเศรษฐกิจโลกอาจไม่ได้ชะลอตัวลงมากอย่างที่หลายฝ่ายกังวล หรือเศรษฐกิจจีนอาจไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมากนักอย่างที่หลายฝ่ายกังวล

 โดยหลายฝ่ายคาดว่าการที่จีนเปิดประเทศจะช่วยลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของหลายประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือถดถอยเพียงเล็กน้อย เนื่องจากจีนเป็นผู้ผลิตสินค้าที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานหลายรายการ ดังนั้นปัญหาการขาดแคลนอุปทานน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น และจีนยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบริโภคสูง การที่จีนเปิดประเทศจึงเป็นการเพิ่มการบริโภคในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เศรษฐกิจโลกเติบโตได้ดีขึ้น ทั้งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐ ได้ให้ความเห็นไว้ว่า การที่จีนเปิดประเทศจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ 

นอกจากนี้ ในอดีตที่ผ่านมา ข้อสงสัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนก็ได้รับการพิสูจน์มาแล้วหลายครั้ง เช่น นักวิเคราะห์เคยสงสัยว่าตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกของจีนสูงเกินจริง แต่ในปัจจุบันข้อสงสัยนี้ได้หมดไปพร้อมกับการที่จีนขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก และสหรัฐใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับจีน รวมถึงมาตรการอื่นๆเพื่อสกัดการเติบโของเศรษฐกิจจีน

ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นจีนจึงมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในช่วงนี้ โดยกองทุนของไทยที่มีการลงทุนโดยเน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีนมีให้เลือกหลากหลาย เช่น ลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ลงทุนในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีน ลงทุนในหุ้นจีนและประเทศใกล้เคียง เป็นต้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรสามารถรับความเสี่ยงได้สูง เนื่องจากตลาดหุ้นจีนยังคงมีความเสี่ยงอยู่มากดังที่ได้นำเสนอไปแล้วข้างต้น