ดาวโจนส์ร่วง 646 จุด กังวลผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐไม่ชัดเจน

ดาวโจนส์ร่วง 646 จุด กังวลผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐไม่ชัดเจน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(9พ.ย.)ร่วงลง 646 จุด ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่ยังไม่มีความชัดเจน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 646.89 จุด หรือ 1.95% ปิดที่ 32,513.94 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 79.54 จุด หรือ 2.08%  ปิดที่ 3,748.54 จุด ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 263.02 จุด หรือ 2.48% ปิดที่ 10,353.17 จุด

หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงกว่า 2% ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาด

ราคาหุ้นบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ ซึ่งบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม พุ่งขึ้นกว่า 6% ในวันนี้ หลังบริษัทประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่

ทั้งนี้ เมตาประกาศปลดพนักงานมากกว่า 11,000 คนในวันนี้ หรือคิดเป็น 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดมากกว่า 87,000 คน

การประกาศปลดพนักงานดังกล่าว ถือเป็นการปรับลดตำแหน่งงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 18 ปีของเมตา ซึ่งมีชื่อเดิมว่าเฟซบุ๊ก ขณะที่บริษัทเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้น แต่มีรายได้จากการโฆษณาลดลง

เมตาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ขณะที่ขาดทุนจากธุรกิจเมตาเวิร์สมากถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 346,000 ล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปีนี้

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดวานนี้ ขานรับคาดการณ์ชัยชนะของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลง

"หากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหรือรวมทั้งวุฒิสภา ก็จะทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประสบความยากลำบากในการผลักดันมาตรการกระตุ้นทางการคลัง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถผ่อนคันเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" นายเดเมียน โบอีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Barrenjoey กล่าว

ส่วนนายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะผลักดันมาตรการใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งกลางเทอมล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็ได้ที่นั่งในวุฒิสภาเท่ากันที่ 48:48 จากจำนวนทั้งหมด 100 ที่นั่ง โดยทั้งสองพรรคต้องการได้มากกว่า 50 ที่นั่งจึงจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

อย่างไรก็ดี หากพรรคเดโมแครตได้ที่นั่งเพียง 50 ที่นั่งในวุฒิสภา ก็ยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่าพรรครีพับลิกัน เนื่องจากหากมีการลงมติในร่างกฎหมายใดๆแล้วพบว่ามีคะแนนเสียงเท่ากัน 50:50 นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต สามารถลงคะแนนเสียงชี้ขาดในฐานะประธานวุฒิสภา

ส่วนในสภาผู้แทนราษฎร สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ผลการนับคะแนนล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งมากกว่าพรรคเดโมแครต โดยอยู่ที่ 199:178 จากจำนวนทั้งสิ้น 435 ที่นั่ง โดยพรรคที่ได้ 218 ที่นั่งจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร