ตลท. ชี้ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 9 เดือน 1.4 แสนล้านบาท แนะจับตานโยบายขึ้นดอกเบี้ย

ตลท. ชี้ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 9 เดือน 1.4 แสนล้านบาท แนะจับตานโยบายขึ้นดอกเบี้ย

ตลท. สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนก.ย. 65 เผย 9 เดือนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 1.46 แสนล้านบาท ดัชนีฯ ยังผันผวนต่ำเทียบตลาดอื่นในภูมิภาค แนะจับตานโยบายขึ้นดอกเบี้ย กระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

จากผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) สะท้อนมุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องการควบคุมเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ในระดับเป้าหมายภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนเอง

โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องจะส่งผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลต่อสภาพคล่อง และภาวะการเงินที่จะตึงตัว ต้นทุนการกู้ยืม ทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลง ซึ่งกระทบการฟื้นตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่พึ่งพิงการส่งออก และการท่องเที่ยว ทำให้ต้องหันมาพึ่งการใช้จ่าย และมาตรการกระตุ้นภายในประเทศมากขึ้น

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ค่าเงินในภูมิภาค ASEAN รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง แต่ใน 9 เดือนแรกปี 2565 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นไทยทั้งค่อนข้างมาก และ SET Index ยังมีความผันผวนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นอื่นๆ แม้ว่าความไม่แน่นอนจากผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเร่งตัวขึ้น

สำหรับ ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 SET Index ปิดที่ 1,589.51 จุด ปรับลดลง 3.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลงไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงอยู่ที่ 4.1%

ขณะที่ SET Index ใน 9 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มทรัพยากร

โดยในเดือนกันยายน 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 75,090 ล้านบาท ลดลง 25.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 9 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 81,816 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 24,279 ล้านบาท ทำให้ใน 9 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 146,465 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6

ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน 2565 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.เจริญอุตสาหกรรม (CH) บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BAREIT) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 2565 อยู่ในระดับต้นๆ ของเอเชีย

โดย Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ระดับ 15.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 11.5 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.1 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.1 เท่า

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ระดับ 2.90% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.30%

ขณะที่ ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนกันยายน 2565 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 677,673 สัญญา เพิ่มขึ้น 36.5% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 564,624 สัญญา เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์