THAI ลุ้นศาลฯไฟเขียวแผนฟื้นฟูใหม่ ต.ค.นี้ คาดออกจากแผนฯได้ปลายปี67

THAI ลุ้นศาลฯไฟเขียวแผนฟื้นฟูใหม่ ต.ค.นี้ คาดออกจากแผนฯได้ปลายปี67

“การบินไทย” เผยศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนแก้ไขแผนฟื้นฟู 21-22 ก.ย.   ชี้หากมีคำสั่งเห็นชอบพร้อมเดินหน้นตามแผนใหม่ “ แปลงหนี้เป็นทุน -เพิ่มทุนฯลฯ”คาดออกจากแผนฯ ปลายปี 67  มั่นใจผลดำเนินงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ดันรายได้โตดีกว่าปีกอน

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่อาวุโส รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน ) หรือ THAI เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูว่า  ในวันนี้ (21ก.ย.) และวันที่ 22 ก.ย. 2565 ศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวน จากมีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านข้อเสนอในการแก้ไขแผนฟื้นฟู 

ทั้งนี้หากศาลล้มละลายฯ ไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม คาดว่าจะมีคำสั่งเห็นชอบตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้  เมื่อวันที่ 1 ก.ย ที่มีเจ้าหนี้รวมรวมกัน 78.59%ได้ยอมรับข้อเสนอการแก้ไขแผนฟื้นฟู  ได้ในช่วงสัปดาห์แรก หรือสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ต.ค.นี้  

 โดยหลังจากนั้นบริษัทจะดำเนินการตามกระบวนการ แปลงหนี้เป็นทุน และเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมและปัจจุบัน ซึ่ง ระยะเวลายังไม่ได้กำหนด ต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมกับทั้งภาวะตลาดและบริษัท ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหนี้เดิมเป็นหลัก

 นายชาย กล่าวว่า การแปลงหนี้เป็นทุน เจ้าหนี้จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิม จะให้สิทธิในการเพิ่มทุนด้วย ซึ่งราคาเพิ่มทุนยังไม่ได้กำหนด แต่ตามแผนไม่ต่ำกว่า 2.52-2.54 บาทต่อหุ้น  ดังนั้น ภายหลังการแปลงหนี้เป็นทุน และกระทรวงการคลังเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่ได้รับ จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลัง ลดลงเป็น 34% จากเดิมที่ถืออยู่สัดส่วน 44.7-44.8%

 “ในแผนฟื้นฟูฯ กำหนดชัดเจนว่า การบินไทยจะไม่กลับเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกแต่จะเป็น เอกชน โดยจะการแปลงหนี้เป็นทุน เจ้าหนี้จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติม เพื่อมาทดแทนสัดส่วนของภาครัฐ และสัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมก็จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในการที่เราให้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนถือว่า ตอบโจทย์ได้ว่าการเมือง หรือ อิทธิพลจากภายนอก จะเข้ามามีผลที่ทำให้เราไม่สามารถทำงานได้อย่างมืออาชีพลดน้อยลง”

ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ในปลายปี 2567  จาก  ผลประกอบการดีขึ้น และส่วนทุนเป็นบวก  ซึ่งหากทำได้ตามนั้น เชื่อว่าจะเป็นผลบวกต่อนักลงทุนและเจ้าหนี้ จากปัจจุบันบริษัทยังมีหนี้สินทั้งสิ้น 130,000-140,000 ล้านบาท 

สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ มั่นใจว่ามีแนวโน้มที่ดีกว่าปีก่อนแน่นอน เพราะในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมานี้ มียอดการขนส่ง และผู้โดยสารปรับตัวสูงขึ้น และในช่วงที่เหลือปีนี้คาดว่ายังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง  คาดสิ้นปีรายได้ 80,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 39,705.74 ล้านบาท 

โดยปีนี้วางเป้าหมายมียอดขนส่งผู้โดยสาร 4.5 ล้านคน จากสิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.01 ล้านคน และ อัตราบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) ยังอยู่ระดับสูงที่ 80-82%  จากสิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 60.3% 

 "แนวโน้มช่วงที่เหลืออีก 2 ไตรมาส คาดว่าจะทำได้ดีกว่าเป้าหมาย มีปัจจัยหนุนมาจากการปรับโครงสร้างและระยะสั้นยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ต้นปีและหวังว่าช่วงที่เหลือปีนี้จะดีต่อเนื่อง"