ตลาดหุ้นจีน เผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ระลอกใหม่

บลูมเบิร์ก รายงานแนวโน้มสงครามการค้าระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง คุกคามการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของ ตลาดหุ้นจีน ในปีนี้ และส่งผลกระทบต่อ ค่าเงินหยวน และเงินเอเชียโดยรวม

ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงในชั่วโมงทำการของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (10 ต.ค.68) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่าจะ ขึ้นภาษีสินค้าจีน “มหาศาล” ต่อมาทรัมป์กล่าวว่าจะขึ้นภาษีจีนเพิ่มอีก 100% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน รวมถึงควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ ทรัมป์ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังจากที่ปักกิ่งเปิดเผยมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากเมื่อต้นสัปดาห์

แม้ว่าตลาดจีนจะถูกทดสอบครั้งแรกในวันจันทร์ (13 ต.ค.68) แต่การเทขายของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นตามมาอาจบรรเทาลงจากสัญญาณในช่วงสุดสัปดาห์จากทำเนียบขาวที่ระบุว่าสหรัฐเปิดประตูรับข้อตกลง และทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ ต้องการช่วยเหลือ ไม่ใช่ทำร้ายจีน

สกุลเงินต่างๆ รวมถึง ดอลลาร์ออสเตรเลีย ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าวันจันทร์ และเงินหยวนตลาดนอกประเทศปรับตัวสูงขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยลดการร่วงลงในวันศุกร์

หุ้นและเงินหยวนของจีนอาจอ่อนค่าลง แม้ว่า “ผมคาดว่าแรงกดดันดังกล่าวจะน้อยกว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทรัมป์” โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ไมเคิล บราวน์ นักกลยุทธ์ของ Pepperstone Group กล่าว “แต่ยังคงคาดการณ์ว่าตลาดจะอ่อนตัวลงบ้าง”

ดัชนีหุ้นจีน ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วงลงมากกว่า 6% ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนเมษายน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ร่วงลงเช่นกัน โดย หุ้น Nvidia Corp ซึ่งกำลังติดบ่วงในระหว่างการเจรจาควบคุมการส่งออกของทั้งสองประเทศ ร่วงลงเกือบ 5% สกุลเงินของตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลง

ความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่องระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุด อาจส่งผลกระทบต่อหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีผลประกอบการดีที่สุดของโลกในปีนี้ และอาจทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์จีนอีกครั้ง

ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงพุ่งขึ้น 31% ในปี 2568 เนื่องจากหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อตกลงสงบศึกทางการค้ากับสหรัฐฯ รวมถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของประเทศที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง หุ้นของ Alibaba Group Holding  พุ่งขึ้นมากกว่า 100% ขณะที่ Tencent Holdings  พุ่งขึ้นเกือบ 60% การฟื้นตัวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลงติดต่อกันสี่ปีจนถึงปี 2566

เงินเอเชียอ่อนตามหยวน

โดยทั่วไปแล้ว การอ่อนค่าของเงินหยวนอย่างต่อเนื่องมักส่งผลลบต่อสกุลเงินเอเชีย เนื่องจากเงินหยวนถูกมองว่าเป็นเสมือนเสาหลักของภูมิภาคมาอย่างยาวนาน สกุลเงินเอเชียตลาดเกิดใหม่ปรับขึ้นน้อยกว่าสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ในปีนี้ โดยดัชนี Bloomberg Asia Dollar เพิ่มขึ้นเพียง 2.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนดัชนีสกุลเงินตลาดเกิดใหม่โดยรวมเพิ่มขึ้น 6.4% ซึ่งถือเป็นปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560

อย่างไรก็ตาม พันธบัตรรัฐบาลจีนน่าจะได้รับประโยชน์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ลดลง 5 จุดในปริมาณซื้อขายที่เบาบาง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปีเมื่อต้นเดือนนี้ ท่ามกลางความต้องการซื้อสินทรคัพย์เสี่ยงที่สูงขึ้น

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการสงบศึกจะคงอยู่หรือล่มสลาย ทรัมป์ยอมรับเมื่อวันศุกร์ว่าเขาอาจระงับมาตรการภาษี หากปักกิ่งถอนแผนการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายาก ทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนมีกำหนดพบกันในปลายเดือนนี้ ซึ่งเป็นการประชุมที่ทรัมป์ขู่ว่าจะยกเลิก แต่ภายหลังกล่าวว่ายังคงมีความเป็นไปได้ที่จะพบกัน

 

“ความไม่แน่นอนนี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นจีนอย่างจำกัด”  เฮา โจว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Guotai Junan Hong Kong  กล่าว

“ผมคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวลดลงในช่วงแรก จากนั้นจะดีดตัวขึ้นอย่างระมัดระวัง” เขากล่าว “ยังมีคำถามอีกมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ”

ประเด็นหลักของการเจรจาระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันมุ่งเน้นไปที่การควบคุมการส่งออก สหรัฐฯ กำลังจำกัดการขนส่งเซมิคอนดักเตอร์และชิป AI ที่จีนต้องการ ขณะที่จีนกำลังจำกัดการส่งออกวัสดุสำคัญและแม่เหล็กที่สหรัฐฯ ต้องการ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จีนกล่าวว่าสหรัฐฯ ควรหยุดคุกคามด้วยภาษีที่สูงขึ้น และเรียกร้องให้มีการเจรจาเพิ่มเติมเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้า กระทรวงพาณิชย์ระบุในแถลงการณ์ว่า มาตรการตอบโต้ทางการค้าล่าสุดของจีนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ถือเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็น ปักกิ่งกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผู้ส่งออกสินค้าในต่างประเทศที่ใช้แร่หายากบางชนิดที่มาจากจีน  จะต้องได้รับใบอนุญาตการส่งออก โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ

สถานการณ์ไม่แน่นอน

ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเจรจาก่อนการพบปะระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง ตามที่ เฮา ฮ่อง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Lotus Asset Management ในฮ่องกงกล่าว ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาจะพบกับสีในการประชุมสุดยอดที่เกาหลีใต้ในเดือนนี้

"เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการประชุมสุดยอดของผู้นำ ทั้งสองฝ่ายอาจถูกมองว่า 'เดิมพันเต็มที่' ในการเจรจาที่จะมาถึงและกำลังหาทางประนีประนอมจากจุดนี้" ฮ่องกล่าว 

 สำหรับตลาดหุ้น ความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นจะ "บั่นทอนการถีบตัวสูงขึ้น แต่ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มขาขึ้นของตลาด" เขากล่าว 

 

สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจอีกอย่างคือการประชุมลับของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม เพื่อทบทวนแผนพัฒนาสำหรับอีกห้าปีข้างหน้า 

ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนจะจับตาดูว่าธนาคารกลางจีนจะส่งสัญญาณใดๆ หรือไม่ เมื่อกำหนดอัตราอ้างอิงรายวันของเงินหยวนในวันจันทร์ การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่นี้จำกัดการเคลื่อนไหวของเงินหยวนในประเทศไว้ที่ 2% ทั้งสองขาขึ้น-ลง ค่าเงินหยวนซึ่งแข็งค่าขึ้นประมาณ 2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ปิดที่ 7.136 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์

เตือนตลาดหุ้นจีนร้อนแรงเกินไป

 แบร์รี หวัง ผู้จัดการร่วมพอร์ตโฟลิโอของกองทุน China Opportunities Fund ที่ Oberweis Asset Management กล่าวว่า 

แม้จะมีความเสี่ยงจากการเจรจาที่เข้มงวดมากขึ้นระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน ตลาดหุ้นจีนก็ถูกมองว่าเริ่มร้อนแรงเกินไปแล้ว ดัชนี MSCI China ปิดการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้าในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018

"การพุ่งขึ้นของตลาดจีนในปีนี้ได้ไปไกลเกินไป" หวังกล่าว "อาจจำเป็นต้องหยุดพักเพื่อให้ปัจจัยพื้นฐานตามทัน"