ทองคำสูงใกล้ออลไทม์ไฮ ข้อมูลเงินเฟ้อหนุนแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ย

รอยเตอร์ รายงานราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ (26 ก.ย.68) หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ ตอกย้ำความเชื่อที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจยังคงลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในช่วงปลายปีนี้

ราคาทองคำตลาดสปอตื (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.8% มาอยู่ที่ 3,777.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 11:04 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (15:04 GMT) หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,790.82 ดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 2.5% ในสัปดาห์นี้

ราคาทองคำตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ (Gold Futures) ส่งมอบเดือนธันวาคม พุ่งขึ้น 1% มาอยู่ที่ 3,807.90 ดอลลาร์

“ข้อมูลเงินเฟ้อ PCE รายเดือนอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่ารายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 0.1% ไม่มีอะไรจากข้อมูลนี้ที่จะหยุดยั้งเฟดจากการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังอีกครั้งในการประชุมเดือนตุลาคม” ไท หว่อง เทรดเดอร์โลหะอิสระกล่าว

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในเดือนสิงหาคม ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์จากผลสำรวจของรอยเตอร์

ขณะนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 88% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม และมีโอกาส 65% ที่จะมีการปรับลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม ตามข้อมูลจากเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME

ตลาดจะจับตาดูถ้อยแถลงของนายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ และนางมิเชล โบว์แมน รองประธานเฟดในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อเป็นเบาะแสเกี่ยวกับจุดยืนของเฟด

ทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม มักจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

ในด้านการค้าโลก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้ายา รถบรรทุก และเฟอร์นิเจอร์รอบใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป

โลหะอื่นๆ ได้แก่ เงินราคาตลาดสปอตพุ่งขึ้น 1.2% มาอยู่ที่ 45.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี ขณะที่แพลเลเดียมพุ่งขึ้น 1.7% มาอยู่ที่ 1,271.46 ดอลลาร์ ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้

แพลทินัมพุ่งขึ้น 2.7% มาอยู่ที่ 1,570.45 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 12 ปี

นักวิเคราะห์และนักเทรดมองว่าเงินและแพลทินัมกำลังได้รับแรงขับเคลื่อนท่ามกลางราคาทองคำที่สูงขึ้น โดยนักลงทุนหันไปหาทางเลือกที่มีราคาย่อมเยามากกว่า 

"คำมั่นของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิของจีนลง 7-10% ภายในปี 2035 ยังได้กระตุ้นการซื้อเงินซึ่งถูกนำใช้ในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์" หว่องกล่าว 

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่าบรรยากาศการลงทุนได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากการประกาศเหตุสุดวิสัยของบริษัท Freeport ที่เหมืองทองแดง Grasberg