ราคาทองคำสูงขึ้น หลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐ หนุนกระแสเฟดลดดอกเบี้ย

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นในวันพุธ (2 ก.ค.) เนื่องจากข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาด ทำให้มีความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่นักลงทุนยังรอรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะออกมาในวันพฤหัสบดี เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงิน

ราคาทองคำในตลาดสปอต (Spot Gold) ไต่ขึ้น 0.3% สู่ระดับ 3,348.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13.51 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ (17.51 GMT)

ราคาทองคำตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) ปรับสูงขึ้น 0.3% สู่ระดับ 3,359.7 ดอลลาร์

ล่าสุดทองลดลง 

บลูมเบิร์ก รายงานล่าสุดวันนี้ (3 ก.ค.)ว่า ทองคำแท่งลดลงซื้อขายใกล้ระดับ 3,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% เมื่อต้นสัปดาห์นี้

ราคาอัปเดตเช้านี้ (3 ก.ค.)

บลูมเบิร์ก รายงาน ราคาทองคำแท่ง (Spot Gold) ลดลง 0.4% เหลือ 3,345.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 8.28 น. ตามเวลาในสิงคโปร์ ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัว โดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot ทรงตัว โดยลดลง 0.6% ในสัปดาห์นี้ ด้านโลหะเงิน แพลเลเดียม และแพลตตินัม ต่างก็ลดลง

“ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ที่ลดลงถึง 33,000 ราย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่บ่งชี้ถึงการเลิกจ้างพนักงานสุทธิครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2023 ส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น” ไท หว่อง เทรดเดอร์โลหะอิสระกล่าวกับรอยเตอร์

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน รายงานการจ้างงานระดับประเทศของ ADP ระบุว่าการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีในเดือนมิถุนายน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วที่สุดคือเดือนกันยายน

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวล ย้ำเมื่อวันอังคารว่าเฟดกำลังใช้มาตรการอดทนรอในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่เขาไม่ได้ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยกล่าวว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามา

เหตุการณ์นี้ทำให้รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนที่จะถูกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะของตลาดแรงงานได้มากขึ้น

จิม ไวคอฟฟ์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco Metals กล่าวว่า "หากเราได้รับรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้มาก นั่นจะถือเป็นสัญญาณขาลงของตลาดทองคำ เนื่องจากเฟดอาจไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ทันทีตามที่ต้องการหรือปรับลดได้หลายครั้ง" 

ทองคำ ซึ่งโดยปกติแล้วถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน ยังเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

นักลงทุนยังให้ความสนใจกับความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก่อนเส้นตายในวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งทำให้บรรดานักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้น กับร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีและงบประมาณรายจ่ายจำนวนมหาศาลของทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มหนี้ของประเทศอีก 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ ร่างกฎหมายนี้กำลังจะถูกส่งไปที่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาอนุมัติขั้นสุดท้าย

ด้านราคาโลหะเงินพุ่งขึ้น 1.2% สู่ระดับ 36.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินัมพุ่งขึ้น 4.6% สู่ระดับ 1,413.40 ดอลลาร์ ขณะที่แพลเลเดียมพุ่งขึ้นเกือบ 5.2% สู่ระดับ 1,157.09 ดอลลาร์