10 ธีมการลงทุนสำหรับปี 2567 - ตอนที่ 3

10 ธีมการลงทุนสำหรับปี 2567 - ตอนที่ 3

ปี 2024 เป็นปีที่น่าจับตามองสำหรับภูมิทัศน์การเมืองและความมั่นคงของโลก มีการจัดการเลือกตั้งขึ้นกว่า 40 ประเทศ ที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 40% ของประชากรโลก รวมถึงประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ อินเดีย และประเทศที่มีอิทธิพลสูง เช่น ไต้หวัน รัสเซีย

มาถึงส่วนสุดท้ายของ 10 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับปีนี้ หลังจากในช่วงก่อนหน้าเราพูดถึงเรื่องของตราสารหนี้ หุ้นอินเดีย หุ้นญี่ปุ่น รวมถึงเรื่องทิศทางของการลงทุนในจีนด้วย … ในส่วนสุดท้ายวันนี้จะเป็นอีก 4 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับปี 2024 ครับ

ธีมที่ 7 ความผันผวนอันเกิดจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งอาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน

ปี 2024 เป็นปีที่น่าจับตามองสำหรับภูมิทัศน์การเมืองและความมั่นคงของโลก เนื่องจากจะมีการจัดการเลือกตั้งขึ้นในกว่า 40 ประเทศ ที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 40% ของประชากรโลก รวมถึงประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ อินเดีย และประเทศที่มีอิทธิพลสูง เช่น ไต้หวัน รัสเซีย เป็นต้น 

โดยการเลือกตั้งสำคัญๆ จะประกอบไปด้วย (1) การเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ที่เพิ่งผ่านพ้นไป พร้อมกับชัยชนะของนายไล่ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) จากพรรค Democratic Progressive Party ที่ยังน่าจะทำให้มีบรรยากาศกับจีนที่อันตรายอยู่ และอาจนำมาซึ่งความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้ (2) การเลือกตั้งทั่วไปในอินเดียในช่วงเดือน เม.ย. ถึง พ.ค. โดยประชาชนเกือบ 1 พันล้านคนจะมีสิทธิลงคะแนนเลือก สส. จำนวน 543 ที่นั่ง และคาดว่านาย นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียจากพรรค BJP (Bharatiya Janata Party) อาจคว้าชัยชนะเป็นสมัยที่ 3 และรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรค BJP นั้นมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งอีกสมัย ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายต่างๆ ทำได้ต่อเนื่อง แต่หากไม่เป็นไปตามคาดก็อาจจะทำให้เกิดความผันผวนขึ้นได้เช่นกัน และ (3) ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 โดยตัวเต็งผู้สมัคร ณ ข้อมูลปัจจุบัน ยังคงเป็น ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน นายโจ ไบเดน สำหรับพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีคนก่อน คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับพรรครีพับลิกัน แม้จะยังใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะมีความแน่ชัดมากกว่านี้ แต่ก็นับได้ว่าเป็นประเด็นที่อาจจะทำให้ตลาดการเงินผันผวนอย่างมากจากความไม่แน่นอนของนโยบาย อย่างไรก็ตามบ่อยครั้งที่ความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงชั่วคราว ก่อนจะค่อยๆ ลดลงภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อพิจารณาควบคู่ไปกับทิศทางเศรษฐกิจที่น่าจะชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก ก่อนจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงถัดไป หากตลาดหุ้นปรับฐานจากปัจจัยเรื่องของการเลือกตั้งก็อาจจะเป็นโอกาสอันดีในการทยอยสะสมการลงทุนได้เช่นกัน

ธีมที่ 8 หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก และกลุ่ม Yield Play อาจเพิ่มความน่าสนใจ เมื่อดอกเบี้ยมีทิศทางปรับลดลงชัดเจน

ทิศทางดอกเบี้ยในระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเวลาของการเริ่มลดดอกเบี้ย และขนาดของการลดในปีนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจและน่าจะเห็นไปทิศทางเดียวกันก็ คือ ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งเมื่อดอกเบี้ยปรับตัวลดลงก็จะเป็นโอกาสสำหรับสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับดอกเบี้ยโดยตรงในระดับสูง (Rate Sensitive) เช่น หุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงกลุ่มที่จ่ายกระแสเงินสดสม่ำเสมอ เช่น หุ้นปันผล หรือ แม้แต่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แต่ทั้งนี้อาจจะพิจารณารายอุตสาหกรรม และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มเติมด้วย โดยหากเกิดปัญหาการชะลอตัวอย่างรุนแรง (Hard Landing) ก็อาจจะทำให้มีแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนในส่วนนี้แทน

ธีมที่ 9 สองอุตสาหกรรมหลักทั้ง Technology และ Healthcare ยังมีความน่าสนใจ

การเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะธีมเรื่องของ Generative AI นั้นส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นส่งผลต่อหลายๆ ส่วนในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Hardware เช่น กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) กลุ่มกราฟฟิกการ์ด (Graphic Cards หรือ GPUs) และ Supply Chain ในส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น Cloud Computing รวมทั้งกลุ่ม Application และ Software ต่างๆ ทำให้หุ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้ผลตอบแทนสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ ในปีนี้ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ เช่น Microsoft, Apple หรือ Alphabet ที่เริ่มลงทุนและพัฒนารวมถึงมีแผนธุรกิจรอบรับก่อนคนอื่นๆ โดยการพัฒนาในส่วนนี้น่าจะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

โดยคาดว่า Generative AI นั้นจะมีส่วนอย่างยิ่งที่ช่วยภาคธุรกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งทางด้านแรงงานและเวลา รวมถึงการทำงานซับซ้อนต่างๆ ส่วนอุตสาหกรรม Healthcare ที่ผลตอบแทนโดยรวมอาจจะน้อยกว่าตลาดโดยรวมในปี 2023 แต่การเติบโตนั้นยังคงมีอยู่ และจากทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น การเพิ่ม Defensive Play เช่น กลุ่ม Healthcare ให้กับพอรต์ฟอลิโอก็ดูจะเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจไม่น้อย

ธีมที่ 10 ทองคำยังน่าจะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ในปี 2023 ทองคำนับเป็นสินทรัพย์ชนิดหนึ่งทีทำได้ดี โดยให้ผลตอบแทนในรูปของเงินดอลลาร์ สรอ. ที่ 13.1% แม้ปัจจัยแวดล้อมจะไม่เป็นใจนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อที่ลดลง ดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง และเศรษฐกิจจีนที่ยังคงมีแรงกดดันรุมเร้าอยู่มาก แต่ก็ได้ประโยชน์จากเรื่องของความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งต่อมายังปี 2024 ด้วย ประกอบกับทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และโอกาสในการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. จากเรื่องของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะมีทิศทางแคบลง อาจทำให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจอยู่ในปีนี้ได้

สุดท้ายนี้ การคาดการณ์ทั้งหมดก็เพื่อเป็นการรองรับเหตุการณ์และทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้น แต่นักลงทุนก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนมุมมองและฐานนะการลงทุนได้อย่างทันท่วงทีครับ

หมายเหตุ บทวิเคราะห์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานต้นสังกัดแต่อย่างใด