TTB ไตรมาส3/66 กำไร 4.73 พันล้าน โต 27.5% เหตุ รายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม-สำรองลด

TTB ไตรมาส3/66 กำไร 4.73 พันล้าน โต 27.5%  เหตุ รายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม-สำรองลด

TTB ไตรมาส3 กำไรสุทธิ 4.73 พันล้าน โต 27.5% เหตุ รายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม-ตั้งสำรองลด หนุน 9เดือนกำไรสุทธิ 1.35 หมื่นล้าน  เพิ่มขึ้น 31.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.03 หมื่นล้าน NPLเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 2.67%

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB  แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส3 ปี 2566 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ  4,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,717 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 22% และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 13.1%  สาเหตุหลักมาจากผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มของอัตราผลตอบแทน พันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้น

ทั้งนี้ ภายใต้แนวทางการเติบโตสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง ธนาคารมุ่งเน้นการหมุนเวียนสภาพคล่องไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง พร้อมทั้งค านึงถึงระดับความ เสี่ยงที่เหมาะสมภายใต้แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น หนุนรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10% อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 16,349 ล้านบาท  

รวมถึงการตั้งสำรองไตรมาสนี้ลดลง 0.2% อยู่ที่ 4,354  ล้านบาท จากไตรมาสเดีวกันปีก่อน อยู่ที่ 4,361 ล้านบาท  ส่งผลให้งวด 9 เดือน 2566 มีกำไรสุทธิ  13,596  ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 31.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,348  ล้านบาท 

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับ ตามงบการเงินรวมอยู่ที่40,279 ล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 40,719 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 และ 41,707 ล้านบาท ณ สิ้น เดือนธ.ค. 2565 ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพตามงบการเงินเฉพาะอยู่ที่ 35,660 ล้านบาท ลดลงจาก 36,543 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2566 และ 37,208 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2565 

โดยณ สิ้นเดือนก.ย.2566 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLratio) ตามงบการเงินรวมอยู่ที่ร้อยละ 2.67ซึ่งอยู่ในระดับที่ควบคุมได้เมื่อเทียบกับร้อยละ 2.63 ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2566 และร้อยละ 2.73 ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2565 ขณะเดียวกันอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพตามงบการเงินเฉพาะอยู่ที่ร้อยละ 2.37 ค่อนข้างทรงตัวจาก ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2566 และลดลงจากร้อยละ 2.44 ณ สิ้นเดือนธ.ค.2565 โดยรวมระดับ สินเชื่อด้อยคุณภาพและคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้และอยู่ในกรอบเป้าหมายของ
ธนาคาร

สำหรับในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ธนาคารยังคงความรอบคอบในการตั้งสำรองฯพร้อมทั้งทบทวนและตั้ง Management Overlay เพิ่ม เพื่อให้ครอบคลุมในการปรับค่าความน่าจะเป็นในการผิดนัดชำระหนี้ (PD) และค่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ (LGD)

นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการติดตามดูแลการชำระเงินคืนของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสะท้อนความสามารถในการชำระที่แท้จริงในโมเดลECLและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมกับลูกค้าอย่างทันท่วงทีธนาคารยังคงตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต