รู้จัก BlackRock ธุรกิจจัดการการลงทุนระดับโลก เงินทุนก้อนใหญ่สนใจธุรกิจ BCG ไทย

BlackRock ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 34 ปีที่แล้วโดย ในปี 2531 นำโดย แลร์รี ฟิงก์ (Larry Fink) กลุ่มนักลงทุนและนักธุรกิจชาวอเมริกันรวมกันทั้งหมด 8 คน ทำให้บริษัทเติบโตจากมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์เป็น 8 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 5 ปี โดยหลักๆแล้วคือการบริหารเงินที่ลงทุนโดยสถาบันขนาดใหญ่ เช่น เงินบำนาญ เงินบริจาคของมหาวิทยาลัย

โดยในปี 2542 มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการเท่ากับ 4.9 ล้านล้านบาท ขณะที่ปัจจุบัน มูลค่าดังกล่าวเพิ่มขึ้นจนกลายเป็น 9.4 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 342 ล้านล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 ทำให้วันนี้ BlackRock คือ บริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่สุดในโลก 

ผ่าพอร์ต BlackRock 

สัดส่วนการลงทุนจากมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของ BlackRock คือ

• หุ้น: 52%
• ตราสารหนี้: 29%
• เงินสด: 8%
• สินทรัพย์อื่นๆ : 8%
• สินทรัพย์ทางเลือก: 3%

ขณะที่เมื่อแบ่งตามกลุ่มลูกค้าจากมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของ BlackRock นั้น

• 70% เป็นกลุ่มลูกค้าในทวีปอเมริกา
•  25% เป็นกลุ่มลูกค้าในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
•  5% เป็นกลุ่มลูกค้าในทวีปเอเชีย

BlackRock เน้นการลงทุนในหุ้นและลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทจะอยู่ในทวีปอเมริกา ขณะที่ในปัจจุบัน BlackRock ให้บริการแก่นักลงทุนในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และ BlackRock ยังเป็นหนึ่งในบริษัทอยู่ในดัชนี S&P 500 โดยใช้ชื่อย่อว่า “BLK”

รวมทั้ง BlackRock เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ทั้ง 5 คือ Apple Microsoft Amazon  Facebook และ Alphabet (บริษัทแม่ Google)

 

ผ่างบดุล BlackRock 

โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา มีรายได้ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ มีกำไร 5.1 พันล้านดอลลาร์ และมีพนักงานทั้งหมด 19,800 คน ขณะที่ปัจจุบัน มูลค่าบริษัทของ BlackRock สูงกว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์

อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อปี 2564 พอร์ตของ BlackRock ยังไม่มีการลงทุนทางเลือก แต่ในงบดุลปีปีล่าสุด มีสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ทางเลือกเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งอาจเป็น “สินทรัพย์ดิจิทัล” ก็เป็นได้ เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้BlackRock มีแผนในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการยื่นขออนุมัติจัดต้องกองทุนบิตคอยน์ต่อก.ล.ต.สหรัฐ

การลงทุนของ  BlackRock ในไทย

เมื่อเดือน ก.ย.2563 นางเดบราห์ โฮ ประธานฝ่ายธุรกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มบริษัทแบล็คร็อค ได้ประกาศการเป็นพันธมิตรกับ "กรุงศรี" คือก้าวสำคัญของเราในการส่งเสริมสนับสนุนนักลงทุนในประเทศไทย 

โดยภายใต้ความร่วมมือ BlackRock จะให้การสนับสนุนกรุงศรีในหลาย ๆ ด้าน เช่น การทบทวนกลยุทธ์ของแพลตฟอร์มของกองทุนต่าง ๆ ที่กรุงศรีเสนอขายให้กับลูกค้า แนวทางในการกระจายการลงทุน การเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือก ข้อมูลเชิงลึกและบทวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจมหภาค การจัดสรรเงินลงทุน และผลการดำเนินงานของการลงทุนประเภทต่าง ๆ  การพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างความผูกพันกับลูกค้า 

ธีมการลงทุนอนาคต
ในปี 2565 BlackRock ได้แนะนำนักลงทุนถึงธีมการลงทุนที่น่าสนใจของปี 2565 ผ่านบทวิเคราะห์การลงทุนประจำปีเอาไว้ 3 ธีมด้วยกัน คือ

1. Digital Transformation
2. ESG opportunities
3. Climate Change

ซีอีโอ BlackRock หารือ "เศรษฐา" แย้มสนใจลงทุนไทย

BlackRock ยังคงให้ความสนใจการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้เข้าพบหารือกับ ลาร์รี่ ฟินก์ (Larry Fink) ซีอีโอ กลุ่มบริษัท BlackRock ผู้นำในการบริหารการเงิน และการลงทุนของโลกเป็นรายแรก เพื่อศึกษาแนวทางการลงทุนในประเทศไทย ทั้งการลงทุนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาดเพื่อขยายฐานการลงทุน และการผลิตในประเทศไทย

ทั้งนี้ ซีอีโอ BlackRock ให้ความสนใจที่จะลงทุนในพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Linked Bond) ที่จะออกโดยรัฐบาลไทย และมีแนวโน้มในการลงทุนในบริษัทในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง

อ้างอิง wikipedia advratings