เจาะนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ลงทุนกองทุนหุ้นไทยกองไหนดี

เจาะนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ลงทุนกองทุนหุ้นไทยกองไหนดี

ชวนเจาะนโยบายหลังได้ "นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย" มาจับตาดูกันว่าตลาดหุ้น และกองทุนหุ้นไทยกองไหนที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดในช่วงนี้ ต้องติดตาม

หลังจากความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วในท้ายที่สุด ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ไทยได้มีนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย "นายเศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย โดยหากตัดประเด็นการเมืองออกไป แน่นอนว่า การแสดงท่าทีหลังเข้ารับตำแหน่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจุดประสงค์หลักคือ ต้องการให้ เศรษฐกิจไทย กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง และภายในวันนั้นเอง ตลาดหุ้นไทย ก็ได้ปิดบวกเกือบ 20 จุด นับว่าเป็นการสร้างความหวังให้กับตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้งหลังจากที่การจัดแต่งตั้งรัฐบาลล่าช้ามา 3 เดือน

โดยจะมาสำรวจดูกันว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรบ้าง และเชื่อมโยงไปถึงกองทุนหุ้นไทยของ บลจ.ทิสโก้ ว่ากองทุนไหนจะได้รับผลประโยชน์จากการที่ประเทศไทยได้รัฐบาลชุดใหม่ และสอดคล้องกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

เจาะนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ลงทุนกองทุนหุ้นไทยกองไหนดี

จะเห็นได้ว่าภาพรวมของนโยบายใหม่ของรัฐบาลได้มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน ซึ่งล้วนแต่สอดคล้องกับจุดเด่นของกองทุนหุ้นไทยอย่าง TISCO THAI WELL-BEING EQUITY FUND (TISCOWB-A) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET WELL-BEING INDEX (SETWB)

โดยสำหรับดัชนี SETWB อาจจะไม่ใช่ชื่อที่นักลงทุนรู้จักคุ้นเคยมากนักเหมือนกับดัชนีอื่นๆ เช่น SETHD SET50 หรือ SET100 เนื่องจากที่จริงแล้วดัชนี SETWB ถือเป็นดัชนีน้องใหม่ของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยพึ่งเริ่มมีการเผยแพร่ดัชนีในวันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา

สำหรับที่มาของดัชนี SETWB นั้นเป็นดัชนีที่สร้างขึ้นมาเพื่อสะท้อนการเคลื่อนไหวของกลุ่มหลักทรัพย์ 30 หลักทรัพย์ ใน 7 หมวดธุรกิจ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน และเป็นธุรกิจที่ผู้ลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ ซึ่งการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้มีผลต่อการขยายตัวของ GDP และนำมาสู่การสร้างรายได้แก่คนในประเทศ นำไปสู่การช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทย โดย 7 หมวดธุรกิจ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นประกอบไปด้วย

  1. หมวดธุรกิจการเกษตร (Agribusiness)
  2. หมวดธุรกิจพาณิชย์ (Commerce)
  3. หมวดธุรกิจแฟชั่น (Fashion)
  4. หมวดธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม (Food and Beverage)
  5. หมวดธุรกิจการแพทย์ (Health Care Service)
  6. หมวดธุรกิจการท่องเที่ยว และสันทนาการ (Tourism & Leisure)
  7. หมวดธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ (Transportation & Logistics) 

ซึ่งเงื่อนไขในการคัดเลือกบริษัทที่จะถูกนำเข้ามาคำนวณรวมในดัชนี SETWB นั้นนอกจากจะต้องอยู่ใน 7 หมวดธุรกิจดังกล่าวแล้ว ยังจะต้องมีกำไรอย่างน้อย 2 จาก 3 ปีล่าสุด เมื่อพิจารณาจากงบการเงินรวม มีสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นซื้อขายไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนของบริษัท เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุด 30 อันดับแรก โดยการปรับดัชนีนั้นจะมีขึ้นทุก 6 เดือน เช่นเดียวกันกับดัชนีอื่นๆ ของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งแนวทางการลงทุนของกองทุน TISCOWB-A จะเป็นการบริหารแบบ Active Fund คือเลือกหุ้น และสัดส่วนการลงทุนไม่ได้เหมือนหรือเท่ากันกับ SETWB เพื่อที่จะมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ได้สูงกว่าดัชนี

สำหรับผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน TISCOWB-A ถือว่า สร้างผลตอบแทนย้อนหลังได้อย่างโดดเด่น กองทุนยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morningstar และในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนสูงถึง +16.57% (ข้อมูล ณ วันที่ 6 กันยายน 2566)

ด้านภาพรวมของการลงทุนในหุ้นไทยถึงแม้ว่าจะมีความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาล ปัญหาจากภัยแล้ง และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ แต่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทย ยังมีโอกาสปรับตัวได้ดีขึ้นด้วยแรงหนุนจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และเมื่อดูจาก FWD P/E ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งเทรดอยู่ที่ 17.2 เท่า ซึ่งยังถูกกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีเล็กน้อยที่ 18.2 เท่า จึงถือว่าตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ที่มา : เว็ปไซต์ของพรรคการเมือง, SET

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และเว็บไซต์ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds