10 อันดับกองทุนรวม “ผลตอบแทนสูงสุด” ครึ่งปีแรก 2566

"หุ้นเทคโลยี"  เป็นอีกหนึ่งธีมในปีนี้  ที่กลับมาเป็นดาวเด่นกันอีกครั้งแม้ว่าในช่วงต้นๆ ปีอาจมีแรงขายทำกำไรไปบ้าง แต่จนถึงตอนนี้ยังฟื้นตัวมาได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง 

จากปัจจัยบวกด้านแผนการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทเทคฯ และการเร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลการดำเนินงาน หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (US Tech) เป็นกลุ่มเดียวที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มการคาดกาณ์ผลการดำเนินงาน (Earnings reversions) เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น

โดยราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลงแรงในช่วงปีที่ผ่านมา จากปัจจัยกดดันด้านความกังวลของภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นในกลุ่มมีอัตราส่วน P/E ที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้ง การมาของ ChatGPT ได้ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจในตลาด AI เพิ่มขึ้นอย่างมาก (AI Boom) จึงมีผลให้บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในตลาด เร่งปรับตัวออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

โดย Internet Data Center: IDC ได้คาดการณ์รายได้ทั่วโลกของตลาด AI จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 19% ต่อปี และประเมินว่าอาจแตะระดับ 9 แสนล้านดอลลาร์ ในปี26 และส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคฯ อื่นๆ เช่น Semiconductors และ Cybersecurity มีแนวโน้มจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการมาของ AI โดยหุ้นเทคฯ

กลุ่ม เซมิคอนดักเตอร์ ได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์สื่อสาร ในขณะที่หุ้นเทคฯ กลุ่ม Cybersecurity ได้รับปัจจัยบวกจากการที่ผู้บริหารองค์การล้วนตระหนักถึงความสำคัญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ จึงมีการเพิ่มงบลงทุนในส่วนนี้ในอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 13% จึงเป็นช่วงที่จังหวะเหมาะสมต่อการเข้าซื้อหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้จุดสูงสุด เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนได้

10 อันดับกองทุนรวม 'ผลตอบแทน' สูงสุง ดังนี้

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกปี 2566  ข้อมูลจาก "มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช" (ประเทศไทย) พบว่า  

โดยผลตอบแทนกองทุน สูงสุด 10 อันดับแรก กลุ่ม "กองทุนหุ้นเทคโนโลยี" ประเภทต่างๆ กวาดเรียบ นำโดย "ดิจิทัล บล็อกเชน" ผลตอบแทนเฉียด 100%  ขณะที่ เน็กซ์เจนเนอร์เรชั่นอินเทอร์เน็ต เซมิคอนดักเตอร์ ผู้นำแบรนด์ดัง เมตาเวิร์ส ให้ผลตอบแทนระดับ 42-46%  เริ่มจาก

1.กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน เพื่อการออม (ASP-DIGIBLOC-SSF)  ผลตอบแทน 97.52% มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล ,บริษัทที่มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ-มีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล ,บริษัทได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน 

2.กองทุนเปิด ทิสโก้ Next Generation Internet  (TNEXTGEN-A) ผลตอบแทน 46.42%  มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน ARK Next Generation Internet ETF 

3.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Semiconductor ชนิดเพื่อการออม  (SCBSEMI(SSFE)  ผลตอบแทน 45.31% มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ  VanEck Semiconductor UCITS ETF 

4.กองทุนเปิด ดาโอ เน็กซ์ เจเนอเรชั่น อินเทอร์เน็ต (DAOL-CYBER) ผลตอบแทน 42.95% มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของ ARK Next Generation Internet ETF

5.กองทุนเปิด MEGA 10 เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10RMF)  ผลตอบแทน 42.53%  มีนโยบายการลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก ใน NYSE /NASDAQ เป็น ผู้นำ Brand Value

6. กองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Next Generation Internet (TMB-ES-INTERNET) ผลตอบแทน 41.14% มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุน ARK Next Generation Internet ETF

 

 

7. กองทุนเปิด วรรณ เมตาเวิร์ส อิควิตี้  (ONE-METAVERSE) ผลตอบแทน 40.83% มีนโยบายการลงทุนในหุ้นบริษัททั่วโลก ที่มีรายได้ หรือได้รับประโยชน์จากธุรกิจทั้งในทางตรงและทางอ้อม เกี่ยวข้องกับ METAVERSE , VIRTUAL PLATFORM ,SOCIAL MEDIA ,COMMUNICATION SERVICES 

8.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เมตาเวิร์ส อิควิตี้ (M-META)
ผลตอบแทน 40.13% มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ  Roundhill Ball Metaverse ETF

9. กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ  (KFGTECHRMF) ผลตอบแทน 39.98  มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ T.Rowe Price Funds SICAV - Global Technology Equity Fund(Class Q) 

10. กองทุนเปิดเคเคพี เซมิคอนดักเตอร์ เฮดจ์ ชนิด M  (KKP SEMICON-H-M)  ผลตอบแทน 39.32% มีนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม  iShares Semiconductor ETF 

 

"นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส"  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะนำการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่า ตลาดหุ้นทั่วโลก ยังน่าสนใจลงทุน โดยเฉพาะธีมเทคโนโลยี กลุ่มบิ๊กเทคโนโลยี และเซมิคอนดักเตอร์ ทั้งในสหรัฐและจีน  แม้ว่าในขณะนี้ราคาหุ้นกลุ่มนี้จะปรับขึ้นค่อนข้างมาก

แต่มองว่าในระยะถัดไปยังมีโอกาสการเติบโต และปัจจัยสนับสนุนอย่างหุ้นเทคฯ ยังมีโอกาสเติบโตจากการค้าขายทั่วโลก ขณะที่ปัจจัยความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยในครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าตลาดน่าจะรับข่าวล่วงหน้าไปแล้ว และทางการสหรัฐยังมีมาตรการดูแลเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้  ขณะที่ฝั่งของจีน ทางการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มไปแล้ว และพี/อีค่อนข้างต่ำ ขณะที่อัตราการทำกำไรของบริษัทเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้ การลงทุนหุ้นสหรัฐ และหุ้นจีน กลุ่มหุ้นเติบโต อย่างธีมเทคโนโลยี และเซมิคอนดักเตอร์  ยังมีปัจจัยสนับสนุน มองจังหวะการเข้าลงทุน หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยการประชุมรอบเดือนก.ค. ทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุดแล้ว ถือเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนในหุ้นเทคฯสหรัฐต่อได้ และหากช่วงนี้ตลาดหุ้นโลกปรับฐานลงมามองเป็นโอกาสในการทยอยเข้าสะสมได้