โชว์ฟอร์ม 5 อันดับ อุตสาหกรรมเด่น 'กองทุนหุ้นโลก' ผลตอบแทนสูงสุด

โชว์ฟอร์ม 5 อันดับ อุตสาหกรรมเด่น 'กองทุนหุ้นโลก' ผลตอบแทนสูงสุด

เปิด 5 อันดับ อุตสาหกรรม "ผลตอบแทนสูงสุด" ในกลุ่มกองทุน " Global Sector Focus Equity” นำโดย “หุ่นยนต์และเอไอ – สมาร์ทโมบิลิตี้- แบรนด์ชั้นนำระดับโลก -แบตเตอร์รี่และอีวี- ไลฟ์สไตล์ หนุนยิลด์ครึ่งปีแรกสูง กองทุน UBOT พุ่ง 36.80 % ส่วนกองทุนอันดับรองลงมาเฉลี่ยที่ 14-17%

ภาวะการลงทุนที่เป็นอยู่ในตอนนี้ หลายคนตั้งคำถามว่า “ตลาดหุ้นทั่วโลก” จะปรับขึ้นได้จริงหรือไม่  

เพราะดูเหมือนว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้  “สาระพัดปัจจัยเสี่ยง” ยังคงปกคลุม  ไม่ว่าจะเป็น ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย อัตราเงินเฟ้อสูงทำให้นโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้สภาพคล่องปรับตัวลดลง   
     
ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ ทำให้ "ตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย" ยังไม่ได้ดึดดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติกลับมา มีแต่จะไหลออกไปกลับไปฝั่งตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว อย่าง “ตลาดหุ้นสหรัฐ”  

ในส่วนปัจจัยในประเทศ  ยังมีความไม่แน่นอนสูง ติดตามการจัดตั้งรัฐบาลและการประกาศนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติ ยังรอติดตาม ทำให้สปอตไลท์ยังไม่ส่องมาที่ “ตลาดหุ้นไทย

และถึงแม้ล่าสุดประธานเฟดจะส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ตลาดคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 2 ครั้งในปีนี้ อาจจะกดดัน “ตลาดหุ้นสหรัฐ”  แต่ในมุมมอง "ผู้จัดกองทุน"  เชื่อมั่นว่า  ผลกระทบจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อในช่วงครึ่งหลังของปีนี้  จะไม่ทำให้ตลาดปรับตัวลงไปมากแล้ว จากขณะนี้ตลาดเริ่มทยอยรับข่าว  น่าจะทยอยเข้าลงทุนได้ 


แต่อย่างไรก็ตามปีนี้ตลาดหุ้นมีความผันผวนและยังมีความท้าทายข้างหน้า  กลยุทธ์การลงทุน “กระจายความเสี่ยงหุ้นทั่วโลก” ยังเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวและทำให้ยังสามารถรักษาพอร์ตลงทุน สร้างผลตอบแทนเป็นบวก ข้ามปีได้  
 

กลุ่มกองทุน " Global  Sector Focus Equity” ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก

แล้วในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นักลงทุนจะเลือก  “ธีมการลงทุน”  ในอุตสาหกรรมไหนที่ยังโดดเด่นมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปได้  

ข้อมูลจาก “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)”  รายงานกลุ่มกองทุน " Global  Sector Focus Equity” ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ดังนี้


1. กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โรโบติกส์ & อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อีทีเอฟ  (UBOT) ผลตอบแทน  36.80% เน้นลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ  Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา สัดส่วนการลงทุนหุ้น 5 อันดับแรก ได้แก่  

  • NVIDIA Corp 12.36%
  • Intuitive Surgical Inc  9.48%
  • ABB Ltd 7.76%
  • Keyence Corp 7.66%
  • Fanuc Corp 7.15% 

2. กองทุนเปิด แอล เอช สมาร์ท โมบิลิตี้ ( LHMOBILITY-A ) ผลตอบแทน  16.78%  เน้นลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ อาทิ หน่วย CIS และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟ ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป

มีสัดส่วนลงทุนใน กองทุนรวมต่างประเทศ Global X Atnms & Elctrc Vhcls ETF 75.33% และ Global X Lithium & Battery Tech ETF22.67%  


3. กองทุนเปิด ยูไนเต็ด แบตเตอรี่ แอนด์ อีวี เทคโนโลยี ฟันด์ (UEV) ผลตอบแทน  15.48%   เน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ /กองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF)  ตั้งแต่ 2กองทุนขึ้นไป ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตแบตเตอรี่  ครอบคลุมถึงการทำเหมืองไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และการผลิตแบตเตอรี่ บริษัทที่ดำเนินการ/ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งในอนาคต เช่น รถยนต์, ยานพาหนะไฟฟ้า และ เทคโนโลยีดิจิตอลที่ใช้ในการขนส่ง เช่น การขับขี่อัตโนมัติ เป็นต้น 

มีสัดส่วนลงทุนใน กองทุนรวมต่างประเทศ RobecoSAM Smart Mobility Equities I USD  70.74 %และ Global X Lithium & Battery Tech ETF 27.44%

4. กองทุนเปิด ทิสโก้ World Brands  (TBRAND)  ผลตอบแทน 15.24 % เน้นลงทุนในกองทุน LO Funds - World Brands ชนิดหน่วยลงทุน Syst.NAV Hdg, (USD) N สัดส่วนการลงทุนหุ้น 5 อันดับแรก ได้แก่

  • Hermes International SA 4.04 %
  • LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE 3.90 %
  • Apple Inc 3.87% ,crosoft Corp 3.50%
  • Ferrari NV 3.46%


5. กองทุนเปิด แอล เอช โกลบอล ไลฟ์สไตล์ อิควิตี้  (LHGLIFEE-D)  ผลตอบแทน  13.97% เน้นลงทุนในกองทุน Invesco Global Consumer Trends Fund  มีสัดส่วนการลงทุนหุ้น 5 อันดับแรก ได้แก่

  • Amazon.com Inc 9.26%
  • EPR Properties 5.61%
  • Tesla Inc 4.47%
  • Lowe's Companies Inc  3.99%
  • Netflix Inc  3.44% 

 

นายกุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เราคาดการณ์อุตสาหกรรม Robotics และระบบ AI จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 จากข้อมูลในของญี่ปุ่นและจีนแนวโน้มของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ Robotics และระบบอัตโนมัติ AI เป็นตัวสนับสนุนหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมากขึ้น จากข้อมูลแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านการผลิตและยอดขายหุ่นยนต์ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยบวกจากการกลับมาเปิดประเทศของจีน 

ทั้งนี้ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมออกมาในลักษณะแย่น้อยกว่าคาด (Better Than Fear) เราเชื่อว่าตลาดกำาลัง Priced-In รูปแบบในการเกิด Recession แบบ Soft Landing หรือแม้กระทั่งกรณี No Recession (No Landing) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้บรรยากาศการลงทุนเริ่มปรับตัวดีขึ้นในวงกว้าง (A broader bull market)

โดยการลงทุนในกลุ่ม Growth Stock ที่เป็น Secular Trend ในเช่น Robotics & AI ซึ่งมีการปรับมุมมองคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งด้านราคาที่ปรับตัวขั้นมาร้อนแรงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ Valuation อยู่ในระดับสูงด้วย อาจส่งผลให้มีความผันผวนระยะสั้นได้ แต่เราเชื่อมั่นว่า ระบบอัตโนมัติยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทในอนาคต แนะนำให้รอจังหวะตลาดในช่วงที่ผันผวน แล้วค่อยทยอยเข้าสะสม (Buy On Dip)

สำหรับกองทุน UBOTผู้ลงทุนสามารถลงทุนในระยะกลางถึงยาว คาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่อาจได้รับประโยชน์จาก อุตสาหกรรมหุ่นยนต์อัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ (AI)

คาดการณ์แนวโน้มความต้องการใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจีนยุติการใช้นโยบาย Zero-Covid

ตัวเลขของการผลิตหุ่นยนต์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมสูงสุดเป็นประวัติการณ์แม้ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจเผชิญกับความท้าทาย

คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยังคงแข็งแกร่ง

กองทุนหลัก (Master fund) = Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF  ทางด้าน UBOT Fund Performance (ณ 22 มิ.ย.2566) YTD +35.65%, 3M +17%, 6M +35.66%