นักธุรกิจรุ่นใหม่หวังได้รัฐบาล ตอบโจทย์ ‘เมกะเทรนด์โลก’

นักธุรกิจรุ่นใหม่หวังได้รัฐบาล ตอบโจทย์  ‘เมกะเทรนด์โลก’

‘นักธุรกิจรุ่นใหม่’ มองการเมืองหลังเลือกตั้ง ‘จิรายุส - บิทคับ’ อยากเห็นรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ หนุนการพัฒนาเทคโนโลยี หวังไทยเป็นฮับเศรษฐกิจดิจิทัล ‘เดิมพัน - แรพพิด’ หวังรัฐบาลใหม่เดินหน้าเศรษฐกิจไทยยุคใหม่ที่เป็นเมกะเทรนด์โลก

การเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.2566 เป็นที่จับตามองของทุกฝ่าย รวมถึงนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมาขับเคลื่อนธุรกิจ ล้วนมีมุมมองที่หลากหลายต่อความคาดหวังในรัฐบาลใหม่


นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทย เพื่อให้รัฐบาลสามารถกำหนดทิศทางของประเทศให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ 

ทั้งนี้ อยากเห็นภาพการเมืองไทยที่มีเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เนื่องจากในอนาคตอันใกล้นี้ นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาในแถบอาเซียนมากขึ้น  ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องทำให้ประเทศไทยเป็นไข่แดง ในไข่ขาวให้ได้ ต้องมีความสามารถใหม่ๆ เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในประเทศ ตัวอย่างเช่น การเป็นศูนย์กลางด้านความยั่งยืน (Sustainability hub) หรือศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy hub) เป็นต้น


“ตอนนี้บรรยากาศของประเทศเรา กำลังตื่นตัวเรื่องการเลือกตั้ง จึงอยากเห็นการผลักดันนโยบายที่สอดคล้องไปกับทิศทางการเติบโตของโลก เพื่อให้เราสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศได้อย่างมหาศาล”

เดินหน้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่


นายเดิมพัน อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แรพพิด กรุ๊ป กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้  ไม่ว่าพรรคไหนจะได้เป็นรัฐบาลใหม่ อยากเห็นการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่เป็นเมกะเทรนด์โลก ทั้งเศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) และทางด้านความยั่งยืน (Sustainability)

นอกจากนี้ ต้องการให้รัฐบาลใหม่มีนโยบายสนับสนุนอย่างจริงจังกับกลุ่มธุรกิจยุคใหม่ที่เป็น New Growth  economy  คือ ดิจิทัลคอมพานีที่สอดคล้องกับ 2 เมกะเทรนด์โลก ซึ่งจะถูกก่อตั้งขึ้นบนโครงสร้างของดิจิทัลเป็นเศรษฐกิจใหม่ เราจะช่วยให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกลับมาสู่ระดับสากลได้

ทั้งนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีความหวัง และเดินหน้าต่อได้อย่างสวยงาม เช่น กระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่มีการใช้เทคโนโลยีสามารถลดคาร์บอน หรือ ธุรกิจฟินเทค ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างมหาศาลจากการหมุนของเงินเข้าสู่ระบบได้เร็วขึ้น ควบคู่กับการลดมลภาวะได้    

“เข็มทิศของประเทศไทยจะชัดเจนจากนี้  และมองว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นใคร จะต้องเปรียบเสมือนโค้ชของประเทศ ที่มีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก ลงมือทำอย่างจริงจังเพิ่มมากขึ้นและต่อเนื่อง” 

รวมถึงมีกฎหมายที่เอื้อให้ธุรกิจที่เป็น New Growth economy เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ หรือมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเศรษฐกิจไทยแข่งขันในระดับโลกได้ ขณะที่การเมืองไทยหลังจากนี้อยากเห็นความร่วมมือกันทุกฝ่าย รวมทั้งการมองที่ผลประโยชน์และความก้าวหน้าของประเทศเป็นหลัก
 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์