S&P 500 ร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แห่ขายหุ้นเอไอ

S&P 500 ร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แห่ขายหุ้นเอไอ

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ ปิดตลาดลดลงในรอบสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนแห่ขายหุ้นกลุ่มเอไอ

ซีเอ็นบีซี รายงาน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในวันศุกร์ (12 ธ.ค.68) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าต่ำกว่า

ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.07% ปิดที่ 6,827.41 จุด และดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ร่วง 1.69% ปิดที่ 23,195.17 จุด ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดลดลง 245.96 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 48,458.05 จุด หลังจากทำสถิติสูงสุดระหว่างวันใหม่ในช่วงต้นของการซื้อขาย

ดัชนี Russell 2000 ร่วงลง 1.51% ปิดที่ 2,551.46 จุด แต่ก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างวันเช่นกัน

S&P 500 ดัชนีตลาดโดยรวมและดัชนี Nasdaq ที่เน้นหุ้นเทคโนโลยี ต่างถูกฉุดลงเพราะราคาหุ้น Broadcom ที่ร่วงลงมากกว่า 11%  ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเป็นเพราะความกังวลเรื่องอัตรากำไรที่ลดลง แม้ว่าบริษัทจะทำผลงานได้ดีเกินคาดในไตรมาสที่สี่และให้การคาดการณ์ที่แข็งแกร่งสำหรับไตรมาสปัจจุบัน โดยระบุว่ายอดขายชิปปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

ในขณะที่หุ้นกลุ่มเอไอ เผชิญแรงกดดันมากขึ้น โดยหุ้นอย่าง AMD, Palantir Technologies และ Micron ต่างก็ประสบกับความสูญเสียเช่นเดียวกับ Broadcom

หุ้นในกลุ่มอื่นๆ ของตลาด เช่น การเงิน การดูแลสุขภาพ และอุตสาหกรรม กลับได้รับแรงหนุนเล็กน้อย ในกลุ่มเหล่านั้น Visa และ Mastercard รวมถึง UnitedHealth Group และ GE Aerospace ต่างก็เป็นผู้ชนะ

“วันนี้เป็นวันที่หุ้นเน้นคุณค่าทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นเติบโต” เจด เอลเลอร์โบรก ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Argent Capital Management กล่าว “นักลงทุนค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเอไอ ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายอย่างสิ้นเชิง แต่ผมคิดว่าพวกเขาระมัดระวัง กังวล และลังเล”

ความเคลื่อนไหวในวันศุกร์สะท้อนภาพการสลับหมุนกลุ่มการลงทุนอีกวันหนึ่ง โดยในวันพฤหัสบดีนักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้นเชิงวัฏจักรที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจมากกว่า ขณะเดียวกันก็ขายทำกำไรหุ้นเติบโตที่เชื่อมโยงกับกระแสลงทุนด้านเอไอ การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สามของปีเมื่อวันพุธ

การเพิ่มขึ้นของหุ้น Visa และ UnitedHealth รวมถึงหุ้นอื่นๆ เช่น Nike ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบการซื้อขายก่อนหน้า ดัชนี S&P 500 ก็ทำสถิติปิดสูงสุดใหม่เช่นกัน ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดตัวลงต่ำกว่า เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งแรง เช่น Alphabet และ Nvidia ปรับตัวลดลง

เอลเลอร์โบรกยังกล่าวว่า “มันไม่มีสินทรัพย์อะไรที่ชนะตลาดได้ทุกเดือนตลอดไป ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่พอจะคาดได้ แต่ในมุมมองของผม มันก็รุนแรงเกินเหตุอยู่ดี”

จากการร่วงลงในวันศุกร์นี้ ทำให้ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตัวลงในสัปดาห์นี้ด้วยการลดลงในรอบสัปดาห์ โดยดัชนี S&P 500 ลดลง 0.6% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.6%  แต่ดัชนี Dow Jones ซึ่งประกอบด้วยหุ้น 30 ตัว ปรับตัวขึ้น 1.1% ในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน บริษัทขนาดเล็กมีผลประกอบการดีกว่าบริษัทขนาดใหญ่ โดยดัชนี Russell 2000 ปรับตัวขึ้น 1.2% ในสัปดาห์นี้ หลังจากทำสถิติสูงสุดตลอดกาลและปิดตลาดสูงสุดในวันพฤหัสบดี