“Point to Invest” แลกพอยต์มาใช้ลงทุน

ซึ่งด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมแบบไร้เงินสดมากขึ้น รวมถึงช่องทางการซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ที่นับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว ทำให้บัตรเครดิตเป็นหนึ่งในวิธีการชำระค่าสินค้าและบริการที่นิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า ณ สิ้นปี 2565 คนไทยมีบัตรเครดิตจำนวนกว่า 25 ล้านใบ และมีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี 

นอกจากความสะดวกสบายในการใช้งานแล้ว บริษัทผู้ออกบัตรเครดิตหลายแห่ง ยังเสนอสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตร อย่างเช่น การให้คะแนนสะสม หรือ พอยต์ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น ซึ่งหากลองคำนวณจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปัจจุบัน จะประมาณออกมาเป็นคะแนนสะสมสูงถึงประมาณ 8 หมื่นล้านคะแนน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท ทีเดียว

นอกจากพอยต์บัตรเครดิตแล้ว การเป็นสมาชิก (Loyalty Program) อื่น ๆ อาทิ การเติมน้ำมัน ดื่มกาแฟ หรือแม้กระทั่ง การซื้อประกันชีวิต ก็มีระบบการสะสมพอยต์เช่นเดียวกัน โดยพอยต์เหล่านี้จะสามารถนำไปแลกเป็นสินค้าหรือบริการได้หลากหลาย อาทิ ส่วนลด บัตรกำนัลเงินสด การแลกซื้อสินค้าและบริการ ในราคาพิเศษ หรือการแลกไมล์สายการบิน ซึ่งนับเป็นการเพิ่ม Purchasing Power หรือช่วยลดค่าใช้จ่ายในอนาคต ให้แก่เจ้าของคะแนน

ในปัจจุบันได้มีทางเลือกใหม่เพิ่มเติมให้แก่เจ้าของพอยต์ที่ต้องการจะนำพอยต์ที่มีไปสร้างมูลค่าที่งอกเงยขึ้น คือ “การนำพอยต์มาใช้ลงทุน” หรือ “Point to Invest” โดยนำพอยต์มาแลกเป็นกองทุนรวม ซึ่งมีสินทรัพย์ลงทุนให้เลือกหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น ทองคำ น้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ ตราสารหนี้ หรือ หุ้น ครอบคลุมทั้งกองทุนที่ลงทุนในประเทศและต่างประเทศ หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี

ก็สามารถนำพอยต์ไปแลกเป็นกองทุนประหยัดภาษีได้เช่นกัน ซึ่งก็จะช่วยให้ผู้ที่มีพอยต์จากบัตรเครดิตและบัตรสมาชิกต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนพอยต์ไปลงทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงของตนเองได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ การนำพอยต์มาแลกเป็นกองทุนรวมนั้น ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทุน เนื่องจากมีมืออาชีพคอยดูแลบริหารจัดการลงทุนให้ สามารถลงทุนได้ด้วยเงินน้อยทำให้ผู้ที่มีพอยต์ไม่มากก็นำมาใช้ลงทุนได้

การแลกพอยต์เป็นการลงทุนยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่มีพอยต์แต่ไม่ต้องการนำไปแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่ไม่จำเป็นหรือไม่ตรงตามต้องการซึ่งใช้แล้วก็หมดไป ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่ม หรือปล่อยให้พอยต์ที่สะสมมาหมดอายุไปโดยไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ โดยหากเปรียบเทียบความคุ้มค่าของการแลกพอยต์เป็นการลงทุน หรือ เปรียบเทียบอัตราการแลกที่ปัจจุบันอาจยังไม่ได้มีอัตราพิเศษที่จูงใจเหมือนการแลกสินค้าหรือบริการอื่น ๆ

 แต่เมื่อพิจารณาถึงโอกาสที่จะได้รับในอนาคตแล้วนั้น ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเพราะนอกจากจะรักษามูลค่าของเงินไว้ได้แล้ว ยังมีโอกาสที่กองทุนรวมที่แลกมาด้วยพอยต์นั้นจะงอกเงยจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่จะได้รับในอนาคตอีกด้วย และถ้าหากแลกพอยต์ไปเป็นกองทุนรวมประหยัดภาษี ก็จะยิ่งได้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ ด้วยกันคือ ได้ใช้พอยต์ไปลงทุนเพื่อสร้างโอกาสให้เงินงอกเงย และยังได้รับเงินเพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามฐานภาษีของแต่ละคนอีกด้วย

ดังนั้น การนำพอยต์ที่สะสมจากการใช้จ่ายมาลงทุนเพื่อต่อยอดความมั่งคั่งได้อีกทางหนึ่งนั้น อาจเรียกได้ว่า “ทุกการใช้จ่าย คือ การลงทุน” อย่างแท้จริง

ปัจจุบัน ผู้สนใจสามารถแลกพอยต์มาใช้ลงทุนได้กับผู้ให้บริการบัตรเครดิตจำนวน 8 แห่ง ได้แก่ ธ.ไทยพาณิชย์, ธ.กรุงเทพ, ธ.กสิกรไทย, กรุงศรี, กรุงศรี First Choice, KTC, ธ.ทหารไทยธนชาต, ธ.ยูโอบี รวมไปถึงคะแนนสะสมจากบัตรสมาชิกของ Loyalty Program อีก 3 แห่ง ได้แก่ Blue Card, บางจาก และเมืองไทยสไมล์คลับ ซึ่งในอนาคตก็จะมีผู้ให้บริการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยสามารถแลกพอยต์เป็นกองทุนรวมได้ด้วยการใช้พอยต์จำนวนไม่มาก เริ่มต้นได้ตั้งแต่ 500 หรือ 1,000 คะแนน ซึ่งหลายแห่งก็มีกองทุนให้เลือกได้ตามความสนใจจากหลากหลาย บลจ. และผู้ให้บริการส่วนใหญ่ก็สามารถแลกพอยต์ได้สะดวกผ่านช่องทางออนไลน์ สำหรับท่านที่สนใจหรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแลกพอยต์เป็นการลงทุน สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ “โครงการ Point to Invest” ได้ที่ https://www.setinvestnow.com/th/pointtoinvest