เล็งสอบ 2 อธิบดีก.คลัง รับหุ้นบางจาก ส่อเข้าข่ายอินไซด์ข้อมูล-ผิดจรรยาบรรณ

เล็งสอบ 2 อธิบดีก.คลัง รับหุ้นบางจาก ส่อเข้าข่ายอินไซด์ข้อมูล-ผิดจรรยาบรรณ

คลังเล็งสอบ 2 อธิบดี “บัญชีกลาง-ธนารักษ์” ซื้อขายหุ้นบางจากในขณะทำหน้าที่เป็นกรรมการ ชี้อาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ-อินไซด์ข้อมูล ก่อนเข้าซื้อ ”เอสโซ่” ขณะที่ 2 อธิบดีแจงเป็นผลตอบแทนที่ให้สิทธิ์แก่บอร์ดทุกคน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้ เกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในการเข้าไปซื้อขายหุ้นของผู้บริหารกระทรวงการคลัง หลังมีรายงานจากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังจำนวน 2 ราย ได้เข้าซื้อขายหุ้นในบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในขณะที่บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเข้าซื้อกิจการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของก.ล.ต.เกี่ยวกับการขายหุ้นบางจาก พบการเข้าซื้อขายหุ้นของกรรมการในบริษัทจำนวนหนึ่งช่วงเดือน ธ.ค.2565 ถึง ม.ค. 2566 โดยคณะกรรมการบางจากได้มีมติให้เข้าซื้อหุ้นเอสโซ่ตั้งแต่เดือนก.ย.2565 จากนั้น ก็ได้มีการเจรจาในรายละเอียดจนกระทั่งลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ExxonMobil เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2566 และคาดว่า จะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566

โดยกรรมการที่เข้าซื้อขายหุ้นเป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง คือ นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และนางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง

  • “จำเริญ” ซื้อหุ้นรวม6แสนหุ้น

ในรายงานก.ล.ต.แจ้งว่า นายจำเริญ ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งหมด 6 แสนหุ้น แบ่งเป็นการเข้าซื้อในวันที่ 22 ธ.ค. 2565 จำนวน 2 แสนหุ้น ในราคา 31.00 บาท วันที่ 22 ธ.ค. 2565 จำนวน 1 แสนหุ้น ราคา 30.75 บาท และ วันที่ 26 ธ.ค. 2565 จำนวน 3 แสนหุ้น ราคา 28.14 บาท จากนั้น ในวันที่ 12 ม.ค. 2566 ได้ทำการขายหุ้นจำนวน 1.5 แสนหุ้น ราคา 34.75 บาท ซี่งเป็นการขายที่เกิดขึ้นภายหลังบางจากลงนามซื้อเอสโซ่เพียง 1 วัน 

ส่วนนางสาวกุลยา ได้เข้าซื้อในวันที่ 28 ธ.ค.2565 จำนวน 3 แสนหุ้น ในราคา 28.14 บาท จากนั้น ได้ขายออกไป แต่ไม่ได้แจ้งต่อก.ล.ต.เนื่องจาก พ้นวาระการดำรงตำแหน่ง

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อขายหุ้นของกรรมการบริษัทบางจากฯเป็นการใช้ข้อมูลภายในหรืออินไซด์เดอร์ก่อนที่จะมีการซื้อกิจการในธุรกิจอื่นหรือไม่ ซึ่งในส่วนของกรรมการผู้แทนของกระทรวงการคลังนั้น การดำเนินการดังกล่าว อาจถือว่า ผิดต่อจรรยาบรรณ ซึ่งตามปกติแล้ว กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังจะต้องไม่ดำเนินการในลักษณะดังกล่าว และ หากจะอ้างว่า ไม่ทราบเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติดังกล่าวก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นแนวปฏิบัติที่ใช้กันมานานแล้วและต้องทราบเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง

  • ผู้บริหารระดับสูงคลังจ่อสอบต่อ

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเผยด้วยว่า ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังได้รับรายงานเกี่ยวกับการเข้าซื้อขายหุ้นของกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในบริษัทบางจาก ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณการเป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังที่กำหนดว่า กรรมการผู้แทนต้องไม่เข้าถือหุ้น หรือ รับหุ้นใดๆจากกิจการที่กระทรวงการคลังได้ส่งให้ผู้แทนรายนั้นๆเข้าไปเป็นกรรมการ เพราะถือว่า ตำแหน่งกรรมการเป็นเพียงตัวแทนของกระทรวงเท่านั้น หากว่า กิจการนั้นๆจะทำการส่งมอบหุ้นให้แก่กรรมการ  ทางกรรมการผู้แทนจะต้องส่งรายงานมาให้กระทรวงการคลังรับทราบเพื่อพิจารณาว่า กระทรวงการคลังสมควรรับหุ้นดังกล่าวหรือไม่

“ขณะนี้ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังได้รับทราบเกี่ยวกับการเข้าซื้อและขายหุ้นของกรรมการผู้แทนดังกล่าวแล้ว และ กำลังพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะอาจถือเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์การเป็นกรรมการผู้แทนรัฐวิสาหกิจเมื่อปี 2553”

  • ยอมรับซื้อขาย-ยันเป็นผลตอบแทนแก่บอร์ดและพนักงาน

นายจำเริญกล่าวยอมรับว่า ได้รับหุ้นดังกล่าวจริงในจำนวน 3 แสนหุ้น โดยเป็นหุ้นที่บริษัทให้สิทธิ์ในการซื้อในฐานะที่เป็นบอร์ดรายละ 3 แสนหุ้น ขณะเดียวกัน ตนได้ทำการเข้าซื้ออีก 3 แสนหุ้น และได้ขายออกไปจำนวน 1.5 แสนหุ้น โดยการซื้อและขายหุ้นดังกล่าวนั้น ได้รายงานต่อกระทรวงการคลังและก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว

“ตามปกติแล้ว ผมไม่เคยสนใจที่จะซื้อขายหุ้นเลย เมื่อได้รับหุ้นดังกล่าวมาจากการเป็นบอร์ดแล้ว ก็ได้มาพิจารณาว่า เป็นการถูกต้องหรือไม่ จึงได้รีบขายออกไป และยืนยันว่า ไม่ได้ทำการซื้อขายหุ้นในลักษณะอินไซค์ข้อมูลอย่างแน่นอน”

น.ส.กุลยากล่าวยอมรับเช่นกันว่า ได้มีการซื้อขายหุ้นในบางจากจริง แต่หุ้นที่ซื้อขายนั้นได้รับสิทธิ์ตามการจัดสรรอย่างถูกต้องที่จัดสรรให้บอร์ดและพนักงานทุกคนรวม 18 ล้านหุ้น โดยถือเป็นผลตอบแทนที่ได้ทำงานแก่กรรมการและพนักงาน ซึ่งตนในฐานะที่เป็นบอร์ดขณะนั้น ได้รับการจัดสรรเช่นเดียวกัน 3 แสนหุ้น จึงได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นไปตามสิทธิที่ได้รับ แต่ตนไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปเล่นหรือถือหุ้นอะไร เพราะเมื่อหุ้นเข้าพอร์ตได้สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ขายทันที เนื่องจากปกติไม่ได้มีการเล่นหุ้นมาก่อนและไม่เคยมีพอร์ตหุ้นก่อนอยู่แล้ว  

ทั้งนี้ ในการรับหุ้นดังกล่าวก็ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) และกระทรวงการคลังได้รับทราบตามระเบียบขั้นตอนมาโดยตลอด ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีหุ้นของบางจากเหลืออยู่ในพอร์ต และไม่ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มด้วย และปัจจุบันได้ลาออกจากคณะกรรมการบางจากแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 ฉะนั้น จึงไม่ได้แจ้งตลาดในการขายหุ้นดังกล่าว

///