บัตร ‘อเมริกัน เอ็กซ์เพรส’ รุกหนักเจาะกลุ่มเวลธ์นิวเจน

ล่าสุด หนึ่งในผู้นำตลาดอย่าง"บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส   (ไทย) " ประกาศกลยุทธ์ปี 2566 ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจบัตรเครดิต ในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งประเทศไทยยังเป็นตลาดสำคัญสร้างการเติบโต

“พร้อม สิริสันต์” ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส(ไทย) ให้ สัมภาษณ์ กรุงเทพธุรกิจ ว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเดินหน้าขยายธุรกิจปีนี้เต็มตัว มองเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้น หลังโควิดคลี่คลาย และการเดินทางทั้งใน และต่างประเทศเริ่มกลับมาใกล้เคียงปกติแล้ว เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่งยังมีรายได้หรือเวลธ์เพิ่มขึ้น 

เรามุ่งขยายฐานลูกค้าระดับท็อปเทียร์ของประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์การบริการลูกค้า และร้านค้าบัตรที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง ที่มีอายุน้อยลงเพิ่มมากขึ้น 

จากที่เราพบว่า ปัจจุบัน ผู้ถือบัตร อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ในไทย มีอายุที่ลดลงคือ กลุ่มที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปมากขึ้น จาก 5 ปีที่ผ่านมาจะมีกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ 

 

ดังนั้น จึงมีการปรับเปลี่ยนช่องทางการให้บริการอย่างบาลานซ์ทั้งช่องทาง Human Touch และช่องทางออนไลน์ที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้ โดยปัจจุบันอเมริกันเอ็กซ์เพรสมีแอปพลิเคชันที่มีผู้ถือใช้อยู่ประมาณ 79% ขณะเดียวกันช่องทางที่ใช้เจ้าหน้าที่บริการ ยังเป็นอีกจุดเด่นในการบริการของเราเช่นกัน โดยปัจจุบันมีพนักงานอยู่ 64,000 คนทั่วโลก 

รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ อย่างเงินดิจิทัล หรือโทเคนดิจิทัลสำหรับแลกสิทธิประโยชน์ต่างๆ ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา มองว่า หากในประเทศไทย มีความพร้อมทางด้านกฎหมายรองรับชัดเจนขึ้น ก็จะนำมาให้บริการตามความเหมาะสมต่อไป

“แม้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่งจะมีผู้เล่นพยายามเข้ามาแข่งขันมากขึ้น แต่เรามั่นใจในจุดเด่นของอเมริกันเอ็กซ์เพรสคือการมีบริการระดับที่ดีสำหรับผู้ถือบัตร ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการติดต่อที่รวดเร็วใช้เจ้าหน้าที่เป็นหลักเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตรอย่างเต็มที่ และมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตรงกับพฤติกรรมของผู้ถือบัตร และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับต้องมีมูลค่าเป็น 3 เท่าของค่าธรรมเนียมในการใช้บัตร"

 

เผยยอดใช้จ่ายต่อเดือนโตพุ่ง 3.5 เท่าของตลาด 

ปัจจุบัน อเมริกัน เอ็กซ์เพรสมีหน้าบัตรอยู่ 5 บัตร มีบัตรแพลทินัมเป็นบัตรท็อปที่ผู้ถือบัตรจะต้องมีรายได้สูงกว่า 1.2 ล้านบาทต่อปี มีค่าธรรมเนียมการใช้บัตรสูงสุด 35,000 บาทต่อปี ต่ำสุดที่ 1,400 บาทต่อปี มียอดใช้จ่ายต่อเดือนสูงกว่าระบบ 3.5 เท่าในไทย และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 

"พร้อม" กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงักลง แต่เรายังรักษายอดใช้จ่ายผ่านบัตรได้ในระดับดี  หลักๆ มาจากการปรับเปลี่ยนแผนกระตุ้นให้สมาชิกบัตรกลับมาใช้บริการ การเข้าพักและการเดินทางภายในประเทศมากขึ้น  สังเกตเห็นว่า พันธมิตรร้านค้า และบริการของเราเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกคือ ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย รองมาเป็นร้านอาหาร และร้านแบรนด์เนม 

"ชี้ให้เห็นว่า สมาชิกบัตรของเรายังนิยมไปเที่ยวพักผ่อน และใช้เวลาวันหยุดในประเทศอยู่ แม้ว่าการเดินทางระหว่างประเทศจะกลับเปิดตามปกติอีกครั้งแล้วก็ตาม" 

ขณะที่จำนวนการทำธุรกรรมในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2562 แน่นอนว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นผลมาจากฐานสมาชิกบัตรของเราที่มีเพิ่มมากขึ้นด้วย

ลุย “เพิ่มพันธมิตรร้านค้า-สิทธิประโยชน์ไลฟ์สไตล์”      

ในปีนี้หลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลายลง สมาชิกบัตรก็เริ่มกลับมามองหาประสบการณ์ที่ห่างหายไปนานกว่า 2 ปี ทั้งในไทยและต่างประเทศ จะกลับมามอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกต่อไป  

“พร้อม” กล่าวว่า เราจะเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรร้านค้าต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อมอบประสิทธิภาพในการใช้จ่ายให้กับผู้ถือบัตรมากขึ้น จากจำนวนร้านค้ารับบัตรปัจจุบัน 66 ล้านแห่งทั่วโลก หรือในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 164% มีจำนวนผู้ถือบัตรกว่า 122 ล้านคนทั่วโลก ขณะที่ร้านค้ารับบัตรในไทยนั้น เราได้ร่วมกับธนาคารกรุงเทพในการใช้เครื่องรูดบัตร

สำหรับความเสี่ยงในเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และอาจจะมีบางประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น  “พร้อม” กล่าวว่า เราได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาจุดดีของเราคือ การปรับตัวที่รวดเร็ว 

อย่างในช่วงสถานการณ์โควิดฯ ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ถือบัตรไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ เราก็ได้นำเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในประเทศแทน ผนวกกับกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มคนระดับบนมีกำลังซื้อสูง ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มาก มีหนี้เสียระดับต่ำมาก และส่วนใหญ่เป็นการชำระเต็มจำนวน 

ล่าสุด มองสิทธิประโยชน์ใหม่ ด้านไลฟ์สไตล์ Global Dining Credit มูลค่า 14,000 บาท สมาชิกบัตรแพลทินัมจะได้รับเครดิตเงินคืนสำหรับรับประทานอาหารมูลค่า 14,000 บาท โดยแบ่งเป็นเครดิตมูลค่า 7,000 บาท สำหรับร้านอาหารในประเทศไทย และเครดิตมูลค่า 7,000 บาท สำหรับร้านอาหารในต่างประเทศ จะเริ่มในเดือนก.พ.นี้ 

รวมถึง สิทธิประโยชน์ Platinum 1 for 1 ข้อเสนอในหมวดห้องพักโรงแรมและรีสอร์ต, Sunday Brunch, ชุดเมนูพิเศษ, Afternoon Tea, บริการสปา และบริการเช่ารถยนต์  นอกจากนี้สมาชิกบัตรยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากปี 2565

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์