ลุ้นเดือนสุดท้าย เงินไหลเข้า ”กองทุนประหยัดภาษี” ดันทั้งปีแตะ5หมื่นล้าน

ลุ้นเดือนสุดท้าย เงินไหลเข้า ”กองทุนประหยัดภาษี” ดันทั้งปีแตะ5หมื่นล้าน

“มอร์นิ่งสตาร์” เผย 11 เดือนปีนี้ เม็ดเงินไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษี "SSF -RMF" แค่ 1.43 หมื่นล้าน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่เกือบ 2 หมื่นล้าน เหตุนักลงทุนชะลอลงทุน เหตุ ผลตอบแทนหุ้นปีนี้ติดลบ16-18%  ลุ้นทั้งปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 5.2 หมื่นล้าน

เดือนธ.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงที่นักลงทุนซื้อ กองทุนประหยัดภาษี "กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว(SSF)" และ"กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)"  ซึ่งปีนี้ ยังต้องลุ้นว่า จะมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษีคึกคักสู้ปีก่อนได้หรือไม่

เนื่องจากตลอดปีที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความผันผวน กดดันผลตอบแทนติดลบถึงระดับ 20%  แม้ช่วงนี้เริ่มมีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่ายังต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 

ลุ้นเดือนสุดท้าย เงินไหลเข้า ”กองทุนประหยัดภาษี” ดันทั้งปีแตะ5หมื่นล้าน

นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ยังคงมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษี ทั้งกองทุนSSF  และกองทุนRMF ซึ่งปกติจะไหลเข้ามากในช่วงเดือน ธ.ค.เกิน 50% ของเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิทั้งปี  

สำหรับปีนี้ปริมาณเงินไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษี คงลุ้นได้แค่ใกล้เคียงปีก่อน  เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนปีนี้ติดลบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการลงทุนต่างประเทศ เช่น กลุ่มหุ้นเทคฯ, หุ้นเวียดนาม ,หุ้นจีน ผลตอบแทนติดลบระดับ 30-40%  ซึ่งกองทุนประหยัดภาษี มีการลงทุนดังกล่าวด้วยเช่นกัน

โดยในเดือน ธ.ค. 2564 พบว่า มีปริมาณเงินไหลเข้าสุทธิกองทุนSSF จำนวน 8,000 ล้านบาท และกองทุนRMF จำนวน 20,000 ล้านบาท ทำให้ทั้งปี 2564 มีปริมาณเงินไหลเข้าสุทธิกองทุนSSF จำนวน 15,000 ล้าานบาท และกองทุนRMF จำนวน 37,000 ล้านบาท รวมทั้งสิิ้น 52,000 ล้านบาท 

นางสาวชญานี กล่าวว่า ในช่วงเกือบ 11 เดือนปีนี้  (ณ 29 พ.ย. 2565)  กองทุนSSF มีเงินไหลเข้าสุทธิ 5,900 ล้านบาท  ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 6,600 ล้านบาท และกองทุน RMF มีเงินไหลเข้าสุทธิ  8,400 ล้านบาท  ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 12,300 ล้านบาท ถือว่าเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษีปีนี้ยังเข้ามาช้ากว่าปีก่อน ซึ่งปีที่แล้วเริ่มมีไหลเข้ามาบ้างในช่วงไตรมาส 3 

ทั้งนี้ยังหวังว่า เม็ดเงินลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนRMF กลุ่มเดิมเมื่อปีก่อนยังไม่เข้ามาอีกจำนวนมาก อาจจะยังรอประเมินทิศทางตลาดหุ้น และสภาพคล่องของแต่ละคน  ดังนั้น ยังต้องติดตามในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากเฟดส่งสัญญาณชะลอเร่งขึ้นดอกเบี้ย 

อย่างไรก็ตามขณะนี้เริ่มเห็นหลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)  ทำโปรโมชันกองทุนเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือเสนอขายกองใหม่ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 5-10 ปีได้ พร้อมกับยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

 "แนะนำว่า นักลงทุนควรมองข้ามปัจจัยลบระยะสั้น 2-3 ปี ที่กดดันผลตอบแทนกองทุนติดลบ  เพราะอาจทำให้พลาดโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ซึ่งกองทุนประหยัดภาษี ทั้งกองทุนSSF และ กองทุนRMF ต้องถือครอง 5- 10 ปี น่าจะผ่านพ้นช่วงแย่ที่สุดของตลาดแล้ว ดังนั้นในภาวะตลาดปรับตังลงช่วงนี้จึงยังมองว่าเป็นโอกาสเข้าลงทุนระยะยาว และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย"      

    นอกจากนี้ กองทุนLTF  ยังพบว่า มีเม็ดเงินไหลออกมาก ในช่วงต้นปี2565 เพราะ เงินลงทุนที่ขายได้ตามกำหนดของรอบปีลงทุน 2559 รวมรอบ 11 เดือนปีนี้ มีเงินไหลออกสุทธิสะสมเกือบ 28,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนสุดท้ายปีนี้ คาดว่า น่าจะยังมีเงินทยอยไหลออกต่อเนื่องในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ทั้งปัจจัยในประเทศ และต่างประเทศที่จะส่งผลกระทบด้วย

       นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย กล่าวว่า  กองทุนประหยัดภาษี อย่างกองทุนSSF และกองทุนRMF ปีนี้น่าจะยังโตต่อเนื่อง โดยกองทุนSSF นั้นโตมากในช่วงต้นปี และช่วงปลายปีจะเป็นกอง RMF ที่เพิ่มขึ้นมาก

    "ปีนี้ถือว่า นักลงทุนเข้าใจตลาด และเข้าใจการลงทุนมาก โดยทยอยสะสมทั้งปีในช่วงจังหวะที่ตลาดปรับตัวลง  ในส่วนของกองทุนLTF ยังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่ได้กระทบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะตลาดหุ้นไทยยังติดลบน้อยกว่าตลาดอื่น"